Avsnitt
-
““จงถือเทศกาลเลี้ยงระลึกถึงเราปีละสามครั้ง. จงถือเทศกาลเลี้ยงกินขนมปังไม่มีเชื้อในเดือนอาบิบ, อันเป็นเดือนซึ่งเราได้กำหนดตั้งไว้; เจ้าจงกินขนมปังไม่มีเชื้อให้ครบเจ็ดวัน, ตามที่เราได้สั่งเจ้าแล้ว, เพราะในเดือนนั้นเจ้าได้ออกจากประเทศอายฆุบโต; อย่าให้ผู้ใดมาเฝ้าเรามือเปล่าเลย. แล้วจงถือเทศกาลเลี้ยงในต้นฤดูเก็บเกี่ยว, คือผลแรกที่เกิดจากพืชซึ่งเจ้าได้หว่านในนา, และจงถือเทศกาลเลี้ยงปลายปี, เมื่อเจ้าได้เก็บรวบรวมพืชผลจากทุ่งนาไว้เสร็จแล้ว. ให้ชายทั้งหลายเฝ้าพระยะโฮวาปีละสามครั้ง.”
“นี่แหละ, เราจะใช้ทูตของเราไปข้างหน้าพวกเจ้า, เพื่อรักษาพวกเจ้าตามทาง, นำไปถึงที่นั่นซึ่งเราได้เตรียมไว้. จงสนใจนำพาต่อทูตนั้นและจงเชื่อฟังคำของท่าน; อย่าขัดขืน ดื้อรั้น ฝ่าฝืน กบฏ ต่อท่านเลย; เพราะท่านจะไม่ยกความผิดของเจ้าเลย: ด้วยพระนามของเราอยู่กับท่าน. ถ้าแม้ว่าเจ้าทั้งหลายจะฟังคำของท่านจริงๆ, และทำสิ่งสารพัตรซึ่งเราสั่งไว้, เราจะเป็นศัตรูต่อศัตรูของพวกเจ้า; ผู้ใดต่อสู้กับพวกเจ้า, เราจะต่อสู้กับผู้นั้น. ด้วยทูตของเราจะไปข้างหน้าพวกเจ้า, และจะนำพวกเจ้าไปถึงเมืองของชนชาติอะโมรีชาติเฮธ, ชาติพะริซี, ชาติคะนาอัน, ชาติฮีวี, และชาติยะบูศ: แล้วเราจะประหารชาวเมืองเหล่านั้นเสีย. อย่าได้กราบไหว้พระของเขา, หรือปรนนิบัติหรือทำตามแบบอย่างที่พวกเขากระทำอยู่นั้น; แต่จงทำลายรูปเคารพของเขา, และจงทุบหักศิลาเหลี่ยมเคารพของเขาเสียให้แหลกละเอียด. จงปรนนิบัติพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเจ้า, แล้วพระองค์จะทรงอวยพระพรแก่อาหารและน้ำของพวกเจ้า; เราจะบันดาลให้โรคต่างๆ หายไปจากท่ามกลางพวกเจ้า. จะไม่มีสัตว์ตัวใดแท้งลูกหรือเป็นหมันในประเทศของเจ้า: เวลากำหนดอายุของพวกเจ้าจะให้มีครบเต็มบริบูรณ์. เราจะให้ความตระหนกตกใจเพราะเราล่วงหน้าไปก่อนพวกเจ้า. และชาวเมืองทั้งปวงที่พวกเจ้าจะมาถึงนั้นเราจะประหารเสีย; เราจะให้พวกศัตรูทั้งปวงหันกลับหนีไปจากพวกเจ้า. เราจะใช้ฝูงต่อให้ล่วงหน้าไปก่อนพวกเจ้า, จะได้ไล่ชนชาติฮีวี, ชนชาติคะนาอัน, ชนชาติเฮธ, ไปจากข้างหน้าพวกเจ้า. เราจะไม่ไล่เขาไปล่วงหน้าพวกเจ้าในกำหนดปีเดียว. เกรงว่าแผ่นดินจะรกร้างไป, และสัตว์ป่าจะทวีขึ้นต่อสู้กับพวกเจ้า. แต่เราจะไล่เขาล่วงหน้าพวกเจ้าไปทีละน้อยๆ, จนพวกเจ้าจะทวีมากขึ้น, แล้วจะได้รับแผ่นดินนั้นเป็นมฤดก.
พวกเจ้าอย่าทำสัญญาไมตรีกับเขาหรือกับพระของเขาเลย. เขาจะอาศัยในแผ่นดินของเรามิได้เลย, เกรงว่าเขาจะกระทำให้เจ้าผิดต่อเรา; เพราะว่าถ้าพวกเจ้าจะปรนนิบัติพระของเขา, ก็จะเป็นบ่วงแร้วแก่เจ้าเป็นแน่.””
เอ็กโซโด 23:14-17, 20-30, 32-33
-
“จงเร่งนำพืชผลอันอุดมของเจ้าและน้ำผลไม้ต่างๆ ในต้นฤดูมาถวายพระเจ้า; อย่าคอยให้เนิ่นช้าเลย. จงถวายบุตรชายหัวปีของเจ้าให้แก่เรา.”
เอ็กโซโด 22:29 TH1940
-
Saknas det avsnitt?
-
“แน่นอนทีเดียว ความรอดจากพระองค์อยู่ใกล้คนทั้งหลายที่เกรงกลัวพระองค์, เพื่อสง่าราศีนั้นจะได้ดำรงอยู่ที่แผ่นดินของพวกเรา.
ความเมตตากรุณาและความสัตย์จริงได้พบปะกัน; ความชอบธรรมและความสันติสุขจุบกันแล้ว. ความสัตย์จริงงอกขึ้นจากพื้นดิน; และความชอบธรรมทอดตาแลลงมาจากสวรรค์.
พระยะโฮวาจะประทานสิ่งซึ่งดีพระเจ้าค่ะ; และแผ่นดินของพวกข้าพเจ้าจะเกิดผล. ความชอบธรรมจะนำหน้าพระองค์, และจะกระทำให้รอยพระบาทของพระองค์เป็นมรคา (ทางเดิน) ของพวกข้าพเจ้า”
บทเพลงสรรเสริญ 85:9-13
-
ถ้าเจ้าจะซื้อชนชาติเฮ็บรายไว้เป็นทาส, เขาจะต้องปรนนิบัติเจ้าในเวลากำหนดหกปี: แต่ปีที่เจ็ดนั้นจงปล่อยเขาไปเป็นไทย เป็นอันหมดค่าตัว. ถ้าทาสนั้นมากล่าวเป็นที่เข้าใจชัดเจนว่า ข้าพเจ้ายังรักนายและลูกเมียของข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าไม่อยากออกไปเป็นไทย: ให้นายพาทาสนั้นไปหาตุลาการ พาเค้าไปถึงประตู หรือถึงเสาแม่ประตู; แล้วให้นายเจาะหูเขาด้วยเหล็กหมาด และเขาก็จะปรนนิบัตินายต่อไปจนชีวิตหาไม่.
เอ็กโซโด 21: 2, 5-6
-
““เราคือยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ผู้ได้นำเจ้าออกจากประเทศอายฆุบโต, คือจากฐานะแห่งทาสนั้น.”
“อย่าได้มีพระเจ้าอื่นต่อหน้าเราเลย.”
“อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน, เป็นสันฐานรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าอากาศเบื้องบน, หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง, หรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน, อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น; ด้วยเราคือยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้หวงแหน, ให้โทษของบิดาที่ชังเรานั้นติดเนื่องจนถึงลูกหลานกระทั่งสามชั่วสี่ชั่วอายุคน; แต่แสดงความกรุณาแก่ผู้ที่รักเรา, และรักษาบัญญัติของเรา, ถึงหลายพันชั่วอายุ.”
“อย่าออกพระนามพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าเปล่าๆ; ด้วยผู้ที่ออกพระนามพระองค์เล่นเปล่าๆ นั้น, พระยะโฮวาจะถือว่าไม่มีโทษหามิได้.”
“จงระลึกถึงวันซะบาโต, ถือเป็นวันบริสุทธิ์. จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน; แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นซะบาโตแห่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า: ในวันนั้นอย่ากระทำการงานสิ่งใดๆ, คือเจ้าเอง, หรือบุตราบุตรีของเจ้า, หรือทาสาทาสีของเจ้า, หรือสัตว์ใช้ของเจ้า, หรือแขกที่มาอาศัยอยู่ภายในประตูเมืองของเจ้า: เพราะในหกวันพระยะโฮวาได้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน, และทะเล, และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น, แต่ในวันที่เจ็ดได้ทรงงดการงานไว้: เหตุฉะนั้นพระยะโฮวาได้ทรงอวยพรแก่วันซะบาโต, และทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์.”
“จงนับถือบิดามารดาของเจ้า, เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนนานบนแผ่นดินซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า.”
“อย่าฆ่าคน.”
“อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา.”
“อย่าลักทรัพย์.”
“อย่าเป็นพะยานเท็จต่อเพื่อนบ้าน.”
“อย่าโลภเรือนของเพื่อนบ้าน, อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน, หรือทาสาทาสีของเขา, หรือโคลาของเขา, หรือสิ่งใดๆ ซึ่งเป็นของๆ เพื่อนบ้าน.”
พระยะโฮวาจึงตรัสแก่โมเซว่า, “จงไปบอกชนชาติยิศราเอลดังนี้ว่า, ‘เจ้าทั้งหลายได้เห็นแล้วว่าเราได้ตรัสกับพวกเจ้าจากท้องฟ้า. เจ้าอย่าทำรูปเคารพด้วยเงินหรือทองไว้สำหรับบูชาเทียบเทียมกับเรา; อย่าเคารพนมัสการสิ่งเหล่านั้น. จงใช้ดินก่อแท่นสำหรับเรา, และบนแท่นนั้นจงใช้แกะและโคของเจ้า: ถวายบูชาเผาและบูชาสมานไมตรี: ในทุกตำบลที่เราจารึกนามของเราไว้, เราจะมาหาเจ้าและจะอวยพรแก่เจ้า.”
เอ็กโซโด 20:2-17, 22-24 TH1940
-
“ข้าแต่พระยะโฮวา, พระเจ้าแห่งพลโยธา, สถานที่พระองค์สถิตนั้นเป็นที่งดงามน่ารักจริง! จิตของข้าพเจ้าโหยหาถึงพระนิเวศน์ของพระยะโฮวาจนสลบไสลไป; จิตใจและเนื้อหนังของข้าพเจ้าร้องอาลัยถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่. คนทั้งหลายที่อยู่ในพระวิหารของพระองค์ก็เป็นสุข: เขาถวายความสรรเสริญพระองค์เสมอ. คนที่พึ่งพระองค์เป็นกำลังของตนก็ผาสุก; ผู้ซึ่งใส่ใจชอบในพระมรคาไปซีโอน. เมื่อเดินไปตามหว่างเขาน้ำตก เขากระทำให้กลายเป็นที่น้ำพุพลุ่งขึ้น; พระเจ้าค่ะ, และฝนต้นฤดูก็ตกแต่งที่นั้นด้วยพร. คนเหล่านั้นมีกำลังทวีขึ้น; เขาทุกคนก็ปรากฏตัวฉะเพาะพระเจ้าในเมืองซีโอน.
เพราะว่าวันหนึ่งในบริเวณพระวิหารก็ดีกว่าพันวัน. ข้าพเจ้าเป็นคนเฝ้าประตูพระวิหารพระเจ้าของข้าพเจ้า ยังดีกว่าอยู่ในกะโจมแห่งความชั่ว.
เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่ห์: พระยะโฮวาจะทรงประทานพระคุณกับเกียรติยศ; พระองค์จะไม่ทรงกีดกันของดีไว้จากเหล่าคนที่ประพฤติในทางซื่อตรงเลย. ข้าแต่พระยะโฮวาแห่งพลโยธา, คนที่วางใจพระองค์ก็เป็นผาสุก”
บทเพลงสรรเสริญ 84:1-2, 4-7, 10-12
-
“โมเซได้ขึ้นไปเฝ้าพระเจ้า, และพระยะโฮวาได้ตรัสจากภูเขานั้นว่า, “จงกล่าวแก่เผ่าพันธุ์ของยาโคบ, และบอกแก่ชนชาติยิศราเอลดังนี้ว่า: ‘เจ้าทั้งหลายได้เห็นการณ์ซึ่งเราได้กระทำแก่ชนชาติอายฆุบโตแล้ว, คือที่เราได้ยกชูเจ้าทั้งหลายขึ้น, ดุจดังอยู่บนปีกนกอินทรีย์เพื่อนำเจ้ามาถึงเราอย่างไร. เหตุฉะนี้ถ้าเจ้าทั้งหลายจะฟังถ้อยคำของเราจริงๆ, และรักษาคำสัญญาไมตรีของเราไว้, เจ้าจะเป็นทรัพย์ประเสริฐของเรายิ่งกว่าชาติทั้งปวง: เพราะเราเป็นเจ้าของโลกทั้งสิ้น: เจ้าทั้งหลายจะเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิต, และจะเป็นชนชาติอันบริสุทธิ์สำหรับเรา, ถ้อยคำเหล่านี้จงเล่าให้ชนชาติยิศราเอลฟัง.’ ””
เอ็กโซโด 19:3-6 TH1940
-
“ข้าแต่พระเจ้า, ขออย่าทรงนิ่งเฉยเสีย; ข้าแต่พระเจ้า, ขออย่าทรงเงียบงดพระดำรัสเลย. เขาปรึกษากันออกอุบายปองร้ายพลไพร่ของพระองค์, เขาคิดอ่านกันจะต่อสู้พวกที่พระองค์ทรงซ่อนไว้. เขากล่าวว่า, มาเถิด, ให้เราผลาญพวกนั้นเสีย อย่าให้ตั้งเป็นประเทศได้; เพื่อชื่อเสียงพวกยิศราเอลจะไม่เป็นที่ระลึกถึงต่อไปอีก. เพราะเขาปรึกษาพร้อมใจกันแล้ว; สัญญากันไว้ว่าจะขัดขืนพระองค์; เขาได้กล่าวว่า, ให้เรายื้อแย่งที่ประทับ (ทุ่งหญ้า) ของพระเจ้าไว้เป็นที่ของเราเถิด.
ข้าแต่พระเจ้า, ขอให้เขาเป็นดุจผงคลีดินปลิวเวียนไปตามลมบ้าหมู; เป็นเหมือนซังข้าวที่ลมกล้าพัดไปนั้น. ให้เป็นเหมือนไฟไหม้ป่าดง, เหมือนเพลิงติดลุกโพลงขึ้นที่ภูเขา. และขอทรงขับไล่เขาด้วยลมพายุของพระองค์, และทรงกระทำให้เขาตกใจกลัวด้วยลมพายุของพระองค์. ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงบันดาลให้หน้าเขายุ่ง (อับอายขายหน้า), เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระนามของพระองค์; เพื่อให้เขารู้ว่าพระองค์ผู้เดียว, ผู้ทรงพระนามว่าพระยะโฮวา. เป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่งทรงครอบครองทั่วแผ่นดินโลก”
บทเพลงสรรเสริญ 83:1, 3-5, 12-16, 18
-
“ยิธโร จึง กล่าว ว่า, “สรรเสริญพระ ยะ โฮ วา ผู้ ทรง ช่วย ท่าน ทั้ง หลาย ให้ รอด จาก เงื้อมมือ ชนชาติ อาย ฆุบ โต, และ จาก หัตถ์ ของ กษัตริย์ ฟา โร, คือ ผู้ ได้ ทรง ช่วย พล ไพร่ ให้ พ้น จาก เงื้อมมือ ชนชาติ อาย ฆุบ โต. บัดนี้ เรา ทราบ แล้ว ว่า พระ ยะ โฮ วา เป็น ใหญ่ กว่า พระ อื่น ทั้งปวง, ผู้ ได้ กระทำ ต่อ ชนชาติ ยิศ รา เอล อย่างทะนงตัว.”
โม เซ จึง ตอบ พ่อตา ว่า, “เพราะ พล ไพร่ มา หา ข้าพ เจ้า เพื่อ ขอ ให้ ทูลถาม พระเจ้า: เมื่อ เขา มี คดี ต่อ กัน, ก็ มา หา ข้าพ เจ้า; ’ ข้าพ เจ้า ก็ ตัดสิน ให้ เขา ทุกคน, สอน ให้ เขา รู้จัก ข้อปฏิบัติ และ ข้อกฎหมาย ของ พระเจ้า.” จง ฟัง คำ ซึ่ง เรา จะ เตือน ท่าน, และ ขอ ให้ พระเจ้า ทรง สถิต อยู่ กับ ท่าน: ท่าน จง เป็น คนกลาง ระหว่าง พล ไพร่ กับ พระเจ้า, คือ จง นำ ความ กราบ ทูล พระเจ้า: ท่าน จง สั่งสอน เขา ให้ รู้ ข้อปฏิบัติ และ ข้อกฎหมาย, และ แสดง ให้ เขา รู้จัก ทาง และ การ ประ พฤติ ที่ เรา ควร กระ ทำ.
อีก ประการ หนึ่ง ท่าน จง เลือก คน ที่ สามารถ จาก พล ไพร่ คือ คน ที่ เกรงกลัว พระเจ้า, ที่ เป็น คน ซื่อสัตย์, และ เป็น คน เกลียด สินบน; ตั้ง เขา ไว้ เป็น นาย พัน, นาย ร้อย, นาย ห้า สิบ, นาย สิบ: ให้ เขา เป็น ผู้พิพากษา ความ ของ พล ไพร่ เสมอ: เมื่อ เกิด ความ ใหญ่ ก็ ให้ เขา นำ ความ นั้น ทุกๆ เรื่อง มา แจ้ง ต่อ ท่าน, แต่ ความ เล็กน้อย จง ให้ เขา ตัดสิน เอง: ดังนี้ จะ ได้ ช่วยเหลือ ให้ กิจการ ของ ท่าน เบาบาง ลง.”
เอ็ก โซ โด 18:10-11, 15-16, 19-22
-
“เพราะเหตุนั้นบรรดาพลไพร่จึงได้บ่นติเตียนโมเซว่า, “จงให้น้ำพวกข้าพเจ้ากินเถิด.” โมเซจึงตอบว่า, “พวกเจ้าบ่นต่อว่าเราทำไม? เหตุไฉนพวกเจ้าจึงบังอาจลองดีพระยะโฮวา?” ไพร่พลก็กระหายน้ำที่ตำบลนั้น, จึงบ่นต่อโมเซว่า, “เหตุไรเล่าท่านจึงพาพวกข้าพเจ้า, ทั้งบุตรและฝูงสัตว์, ออกจากประเทศอายฆุบโตเพื่อจะให้อดน้ำตาย?” จงดูเถิด, เราจะยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าบนศิลาที่ภูเขาโฮเร็บ; จงตีศิลานั้น, แล้วน้ำจะไหลออกมาสำหรับพลไพร่จะได้ดื่ม.” โมเซก็ได้ทำดังนั้นต่อหน้าผู้เฒ่าของชนชาติยิศราเอล. โมเซได้เรียกชื่อตำบลนั้นว่ามาซาและมะรีบา, ด้วยเหตุชนชาติยิศราเอลได้บ่นติเตียนต่อว่าตน ณ ที่นั้น, และได้ชันสูตร (ลองดี, ยั่ว) พระยะโฮวาว่า, “พระองค์สถิตอยู่ท่ามกลางพวกข้าพเจ้าหรือไม่?”
พระยะโฮวาจึงตรัสแก่โมเซว่า, “ข้อความนี้จงเขียนไวัเป็นหนังสือเล่มหนึ่งสำหรับเป็นที่ระลึก, ทั้งเล่าเน้นให้ยะโฮซูอะฟัง: คือว่าเราจะลบล้างชนชาติอะมาเลคไม่ให้ปรากฏชื่ออยู่ในความจำของประชาชนภายใต้ฟ้าเลย. โมเซจึงได้สร้างแท่นบูชาเรียกชื่อว่ายะโฮวานิซี; เพราะเหตุว่าพระยะโฮวาทรงปฏิญาณไว้ว่า, พระองค์จะทรงกระทำสงครามกับชนชาติอะมาเลคต่อเนื่องไปชั่วลูกชั่วหลาน”
เอ็กโซโด 17:2-3, 6-7, 14-16 TH1940
-
“ชนชาติยิศราเอลก็พากันบ่นต่อโมเซและอาโรนในป่านั้นว่า, “พวกข้าพเจ้าใคร่จะได้ตายเสียด้วยพระหัตถ์พระยะโฮวาในประเทศอายฆุบโต, ขณะเมื่ออยู่ใกล้หม้อเนื้ออันได้รับประทานอาหารอิ่มหนำ; แต่นี่ท่านทั้งสองกลับนำพวกข้าพเจ้าออกมาในป่ากันดารนี้, เพื่อจะให้อดอาหารตายเท่านั้น.” ครั้งนั้นพระยะโฮวาได้ตรัสแก่โมเซว่า, “นี่แน่ะ, เราจะบันดาลให้ขนมปังตกลงมาจากท้องฟ้าดุจฝนสำหรับให้เจ้าทั้งหลายกิน; ชนทั้งหลายจะได้ออกไปเก็บพอกินสำหรับฉะเพาะวันหนึ่งๆ, เพื่อเราจะลองใจเขาว่าเขาจะประพฤติตามกฎของเราหรือไม่. เมื่อถึงวันที่หกให้เขาเตรียมเก็บไว้สองเท่าของวันอื่น.” ในเวลาเช้าพวกเจ้าจะได้เห็นสง่าราศีแห่งพระเจ้าเพราะคำบ่นต่อว่าของพวกเจ้าต่อพระยะโฮวาทราบถึงพระองค์แล้ว: เราทั้งสองเป็นผู้ใดเล่า, พวกเจ้าจึงมาบ่นต่อว่าเรา?” โมเซได้กล่าวว่า, “ในเวลาเย็นพระยะโฮวาจะประทานเนื้อให้เจ้ากิน, ในเวลาเช้าพวกเจ้าจะมีขนมปังกินอิ่ม; เพราะพระยะโฮวาได้ทรงทราบคำบ่นซึ่งเจ้าได้บ่นต่อว่าพระองค์: เราทั้งสองนี้เป็นผู้ใด? พวกเจ้ามิได้บ่นต่อว่าเรา, แต่ได้บ่นต่อว่าพระยะโฮวาต่างหาก.”
อยู่มาเมื่อวันที่เจ็ดมีบางคนได้ออกไปเก็บ, แต่หาได้พบไม่. พระยะโฮวาตรัสแก่โมเซว่า, “พวกเจ้าจะขัดขืนข้อบัญญัติและกฎหมายของเรานานสักเท่าไร?”
เอ็กโซโด 16:2-5, 7-8, 27-28
-
“พระเจ้าทรงยืนอยู่ในท่ามกลางชุมนุมชนของพระองค์; พระองค์ทรงพิพากษาท่ามกลางพระ (ผู้ตัดสิน). เจ้าทั้งหลายจะพิพากษาโดยอยุตติธรรม, และเห็นแก่หน้าเหล่าคนชั่วนานสักเท่าใด? จงให้ความยุติธรรมแก่ผู้มีกำลังน้อยของลูกกำพร้าพ่อ; คนมีทุกข์ยาก (ถูกกดขี่) และคนขัดสน. จงปลดปล่อยคนที่มีกำลังน้อยและคนขัดสน: ให้รอดพ้นจากมือคนชั่ว.
ข้าแต่พระเจ้า, ขอพระองค์ทรงเสด็จมาพิพากษาแผ่นดินโลก; เพราะพระองค์จะได้ชนประเทศทั้งปวงเป็นมฤดก”
บทเพลงสรรเสริญ 82:1-4, 8
-
บทเพลงของโมเซ
“ขณะนั้นโมเซกับชนชาติยิศราเอลได้ร้องเพลงบทนี้ถวายพระยะโฮวาว่า,
“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา, เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชะนะอย่างสง่าผ่าเผย; พระองค์ได้ทรงผลักม้าและพลม้าลงในทะเล. พระยะโฮวาเป็นกำลังและเป็นกำเนิดบทเพลงสรรเสริญแห่งข้าพเจ้า, พระองค์เป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด: พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า, และข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์; และพระองค์เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษ, ข้าพเจ้าจะยกยอสรรเสริญพระองค์. พระยะโฮวาเป็นนักรบ: พระนามของพระองค์คือพระยะโฮวา. พระองค์ได้ทรงทิ้งพลรถและพลโยธาของกษัตริย์ฟาโรลงในทะเล; นายทหารรถรบที่แกล้วกล้าของกษัตริย์ฟาโรก็จมน้ำตายในทะเลแดง. น้ำลึกได้ท่วมเขาเสีย: เขาได้จมลงในน้ำลึกประดุจก้อนหิน. ข้าแต่พระยะโฮวา, พระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ทรงอานุภาพอันสง่าผ่าเผย, พระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ทรงทำลายศัตรูให้ป่นปี้ไป. ผู้ใดที่ลุกขึ้นต่อสู้พระองค์ๆ ทรงทำลายเสียด้วยเดชานุภาพใหญ่ยิ่ง: พระองค์ทรงพระพิโรธเผาผลาญเขาเสียเหมือนไฟเผาตอฟาง. โดยลมระบายจากพระนาสิกของพระองค์น้ำก็รวมเข้าเป็นกลุ่มท่วมสูงขึ้นไป; กองน้ำลึกในท้องทะเลก็ปรากฏเป็นกลุ่มก้อนเหมือนน้ำแข็ง. พวกข้าศึกได้กล่าวว่า, ‘เราจะติดตามจับให้ทัน, จะริบสิ่งของมาแบ่งปันกัน; เราจึงจะอิ่มใจดังประสงค์ที่จะทำกับพวกนั้น; เราจะชักดาบออกประหารเขาเสียด้วยฝีมือของเรา.’ พระองค์ทรงบันดาลลมของพระองค์ให้พัดมา, น้ำทะเลก็ท่วมมิดเขา: เขาได้จมลงในน้ำเล็กเหมือนตะกั่ว.
ข้าแต่พระยะโฮวา, ในบรรดาพระทั้งปวงองค์ไหนจะเป็นใหญ่เหมือนพระองค์เล่า? ใครจะเสมอกับพระองค์, ผู้ประกอบด้วยความบริสุทธิ์รุ่งเรือง, ทรงกระทำการอัศจรรย์นั้นเป็นที่น่ายำเกรงและน่าสรรเสริญหรือ? ก็พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาออก, แผ่นดินก็ได้สูบกลืนเขาเสีย. พระองค์ได้ทรงพระกรุณานำหน้าพลไพร่ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้. พระองค์ได้ทรงพาเขามาถึงที่สถิตอันบริสุทธิ์ของพระองค์โดยเดชานุภาพของพระองค์.
ชาวประเทศต่างๆ ได้ยินแล้วก็สะทกสะท้านด้วยความกลัว, เมืองฟะเลเซ็ธก็รู้สึกเสียวสยองยิ่งนัก. ครั้งนั้นพวกเจ้านายในเมืองอะโดมก็หวาดกลัวจนสิ้นสติ; ชายฉกรรจ์ในเมืองโมอาบก็สะทกสะท้านด้วยความกลัว: ชาวคะนาอันทั้งปวงก็แตกฉานซ่านเซ็นไป. ความตระหนกตกใจกลัวอุบัติขึ้นในใจของเขา; เนื่องด้วยฤทธานุภาพแห่งพระกรของพระองค์; เขานิ่งอยู่เหมือนก้อนหิน, จนพลไพร่ของพระองค์เดินผ่านข้ามไป, โอ้พระยะโฮวา, จนพลไพร่ซึ่งพระองค์ทรงไถ่ไว้แล้วเดินผ่านข้ามไป.
ข้าแต่พระยะโฮวา, พระองค์จะทรงนำพวกเขาเข้ามา, และจะทรงปลูกพวกเขาไว้บนภูเขาซึ่งเป็นมฤดกของพระองค์, คือสถานที่ของพระองค์ที่ทรงเตรียมไว้เพื่อจะได้สถิตอยู่, คือวิหารซึ่งพระหัตถ์ของพระองค์ได้ทรงตั้งไว้. พระยะโฮวาจะทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์.””
เอ็กโซโด 15:1-18
-
ข้ามทะเลแดง (บัตติสมา)
“เมื่อกษัตริย์ประเทศอายฆุบโตทราบความว่าพลไพร่ยิศราเอลหนีไปแล้ว: พระทัยของฟาโรและใจของข้าราชการก็เปลี่ยนจากความตั้งใจเดิมที่มีต่อพลไพร่นั้นไปว่า, “ทำไมหนอเราจึงได้ทำเช่นนั้น? ไฉนเราจึงได้ปล่อยพวกยิศราเอลไปจากการปรนนิบัติเราเล่า?” ฝ่ายกษัตริย์ฟาโรก็ให้เตรียมราชรถและนำพลโยธาติดตามไป: ท่านได้เกณฑ์ราชรถรบอย่างดีหกร้อยคัน, กับรถรบหลวงทั้งหลายทั่วประเทศอายฆุบโต, มีนายทหารประจำอยู่ทุกคัน.
เมื่อกษัตริย์ฟาโรเข้ามาใกล้, ชาติยิศราเอลก็เงยหน้าแลดูเห็นชนชาติอายฆุบโตติดตามมา, ก็มีความกลัวยิ่งนัก: จึงได้ร้องทูลพระยะโฮวา. เขาได้เรียนโมเซว่า, “หลุมฝังศพในประเทศอายฆุบโตไม่มีหรือท่านจึงได้พาเราออกมาให้ตายในป่ากันดาร? ทำไมหนอท่านจึงได้พาเราออกมาจากประเทศอายฆุบโต? พวกเราได้บอกท่านแล้วแต่ในประเทศอายฆุบโตมิใช่หรือว่า, จงปล่อยให้พวกเราปรนนิบัติชนชาติอายฆุบโตเถิดเพราะการที่จะปรนนิบัติชนชาติอายฆุบโตนั้นก็ดีกว่าที่จะมาตายในป่ากันดาร? ’ ”
โมเซจึงเตือนพลไพร่นั้นว่า, อย่ากลัวเลย, จงยืนอยู่นิ่งๆ จะได้เห็นความรอดมาแต่พระยะโฮวา, ซึ่งพระองค์จะทรงประทานแก่เจ้าทั้งหลายในวันนี้: ด้วยชาวอายฆุบโตซึ่งเจ้าทั้งหลายได้เห็นในวันนี้, ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่ได้เห็นอีกเลย. พระยะโฮวาจะทรงรบแทนเจ้าทั้งหลาย; เจ้าทั้งหลายจงสงบอยู่เถิด.””
เอ็กโซโด 14:5-7, 10-14 TH1940
-
บุตรหัวปีต้องแยกบริสุทธิ์ออกมาเพื่อถวายแด่พระเจ้า
“พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง”
โคโลสี 1:15 KJV
“เจ้าจงทูลกษัตริย์ฟาโรว่า, ‘พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้ว่า, “ชนชาติยิศราเอลนั้นเป็นบุตรหัวปีของเรา;”
เอ็กโซโด 4:22 TH1940
“และมาถึงคริสตจักรของบรรดาบุตรหัวปีผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว…”
ฮีบรู 12:23a THSV11
“และโมเซกล่าวแก่พลไพร่ว่า, “จงระลึกถึงวันนี้, ที่เจ้าทั้งหลายได้ออกไปจากอายฆุบโต, จากฐานะแห่งทาส: โดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ พระยะโฮวาได้ทรงนำเจ้าทั้งหลายออกจากที่นั่น; อย่ากินขนมปังที่มีเชื้อเลย. ครั้นพระยะโฮวาจะทรงนำพวกเจ้ามาถึงประเทศคะนาอัน, ถึงชาติเฮธ, ชาติอะโมรี, ชาติฮีวี, และชาติยะบูศ, ที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับรรพบุรุษว่า จะยกแผ่นดินที่บริบูรณ์ไปด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งให้พวกเจ้า, ขณะนั้นเจ้าทั้งหลายจงถือเทศกาลนี้ในเดือนนั้น. จงกินขนมปังไม่มีเชื้อให้ครบกำหนดเจ็ดวัน, และวันที่เจ็ด จงถือเป็นพิธีเลี้ยงถวายพระยะโฮวา; จงกินขนมปังไม่มีเชื้อให้ครบกำหนดเจ็ดวัน: อย่าให้เห็นมีขนมปังซึ่งมีเชื้อหรือเชื้อขนมปังในเขตต์ที่อาศัยของพวกเจ้า. ในวันนั้นจงบอกบุตรของเจ้าว่า, ‘ที่ได้ทำดังนี้ ก็เพราะเหตุการณ์ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงกระทำสำหรับข้าพเจ้า ขณะเมื่อข้าพเจ้าออกมาจากประเทศอายฆุบโต.’ เทศกาลนี้จะเป็นการณ์สำคัญดุจดังสิ่งที่ผูกอยู่ที่มือของเจ้า, และเป็นเครื่องระลึกจดจำห้อยไว้ระหว่างในตาของเจ้า. เพื่อพระบัญญัติของพระยะโฮวาจะได้อยู่ที่ปากของเจ้า; เพราะด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์: พระองค์ได้ทรงนำพวกเจ้าออกจากประเทศอายฆุบโต.”
เอ็กโซโด 13:3, 5-9
-
“เราได้เปลื้องภาระอันหนักออกจากบ่าของเขา: และมือของเขาให้พ้นจากกะบุง. เจ้าได้ร้องถึงเราขณะเมื่อมีความทุกข์ยาก, และเราได้ช่วยเจ้า; เราได้ตอบเจ้าด้วยฟ้าร้องจากที่กำบัง; เราได้ลองใจพวกเจ้าที่บ่อน้ำมะรีบา. ดูกร พลไพร่ของเรา, จงฟังเถิด, เราจะตักเตือนพวกเจ้า: แน่ะพวกยิศราเอลเอ๋ย, ถ้าเจ้าจะได้ฟังเรา! พระอื่นก็จะไม่ได้มีในท่ามกลางพวกเจ้า; หรือเจ้าก็จะไม่ได้ไหว้พระต่างประเทศเลย. เราคือพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเจ้า, ผู้ได้นำพวกเจ้าขึ้นมาจากประเทศอายฆุบโต: จงอ้าปากให้กว้าง, และเราจะป้อนให้เต็ม. แต่พลไพร่ของเรามิได้ฟังเสียงของเรา; พวกยิศราเอลไม่มีสักคนเดียวฟังเรา. เราจึงได้ปล่อยเขาไปตามใจดื้อด้านของเขา, เพื่อเขาจะได้ประพฤติตามความคิดเห็นของเขา, โอ ถ้าพลไพร่ของเราจะได้ฟังคำเรา, พวกยิศราเอลก็คงจะประพฤติตามทางของเราแล้ว! เราคงได้กระทำให้พวกศัตรูแห่งเขาอ่อนน้อมเสียในไม่ช้า, มือของเราคงได้กลับต่อสู้ผู้ข่มเหงเขาเสียแล้ว. คนที่เกลียดชังพระยะโฮวาจะแสร้งยอมจำนนตัวต่อพระองค์: แต่โทษของเขาจะได้ตั้งยั่งยืนอยู่เป็นนิจกาล.
แต่เจ้า พระองค์จะทรงเลี้ยงเจ้าไว้ด้วยข้าวสาลีอย่างดี; และจะให้เจ้าอิ่มหนำด้วยน้ำผึ้งซึ่งออกมาจากศิลา”
บทเพลงสรรเสริญ 81:6-16
-
“พระยะโฮวาได้ตรัสแก่โมเซและอาโรนว่า, “พิธีเทศกาลปัศกาเป็นดังนี้: คือคนต่างชาติ นอกจากชนชาติยิศราเอลอย่าให้กินเลย; แต่ฝ่ายทาสของผู้ใดซึ่งนายได้ไถ่มาด้วยเงิน, เมื่อให้ทาสนั้นรับพิธีสุนัดแล้ว, จึงให้เขากินได้.
ส่วนแขกเมืองหรือลูกจ้าง อย่าให้กินเลย. เมื่อมีแขกเมืองมาอาศัยอยู่กับเจ้า, ใคร่จะถือปัศคาถวายพระยะโฮวา, ก็ให้ชายพวกนั้นรับพิธีสุนัดทุกคน, แล้วจึงให้เขามาใกล้และถือเทศกาลนั้น; เขาจึงจะเป็นเหมือนคนเกิดในแผ่นดินนั้น:
แต่ผู้ใดยังมิได้รับพิธีสุนัด อย่าให้ร่วมกินเลี้ยงในเทศกาลปัศคานั้นเลย.
บัญญัติสำหรับคนเกิดในเมือง, และแขกเมืองซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันกับเจ้าทั้งหลาย, จะต้องเป็นอันเดียวกัน.””
เอ็กโซโด 12:43-45, 48-49
-
“พระองค์ได้ทรงนำเถาองุ่นออกมาจากประเทศอายฆุบโต: ได้ทรงขับไล่ชนต่างประเทศไปเสีย, แล้วทรงปลูกเถาองุ่นนั้นไว้. พระองค์ได้ทรงปราบที่ตรงหน้าเถาองุ่นนั้น, และเถานั้นก็ลงรากลึกแผ่ไปจนเต็มทั่วแผ่นดิน. ร่มเถาองุ่นนั้นได้ปกคลุมภูเขาไว้, และกิ่งก็เหมือนต้นสนอันสูงงดงาม.
ข้าแต่พระเจ้าแห่งพลโยธา, ข้าพเจ้าขอวิงวอนพระองค์, ขอพระองค์ทรงกลับพระทัย: ทอดพระเนตรจากสวรรค์พิจารณาดู, และโปรดเสด็จมาเยี่ยมเยียนเถาองุ่นนี้, ขอป้องกันเถาซึ่งพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ได้ทรงปลูกไว้, และขอทรงบำรุงเลี้ยงให้มีกำลังมากไว้สำหรับพระองค์.
ขอทรงโปรดให้พระหัตถ์ของพระองค์อยู่ฝ่ายบุรุษที่อยู่ข้างพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์, คืออยู่ฝ่ายบุตรมนุษย์นั้นที่พระองค์ได้ทรงบำรุงให้มีกำลังมากไว้สำหรับพระองค์. เพื่อพวกข้าพเจ้าจะไม่ถอยไปจากพระองค์: ขอทรงโปรดให้พวกข้าพเจ้าตื่นฟื้น(คืนชีพ) ขึ้น, พวกข้าพเจ้าจึงจะได้ร้องทูลออกพระนามของพระองค์. ข้าแต่พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งพลโยธา, ขอทรงโปรด (ฟื้นฟู) ให้พวกข้าพเจ้ากลับคืนอีก; ขอให้พระพักตรของพระองค์ส่องแสงออกมา, พวกข้าพเจ้าจึงจะได้รอด”
บทเพลงสรรเสริญ 80:8-10, 14-15, 17-19
-
“ขออย่าทรงถือโทษพวกข้าพเจ้าเมื่อทรงระลึกถึงการอสัตย์อธรรมของบรรพบุรุษนั้น; ขอให้พระกรุณาอันอ่อนละมุนของพระองค์มาประสพพวกข้าพเจ้าโดยเร็วเถิด; เพราะพวกข้าพเจ้าเสื่อมถอยน้อยลงไปมากแล้ว. ข้าแต่พระเจ้าผู้เป็นเหตุแห่งความรอด, ขอทรงโปรดช่วยข้าพเจ้า, เพราะเห็นแก่พระเกียรติยศแห่งพระนามของพระองค์; ทรงโปรดช่วยพวกข้าพเจ้าให้รอด, และลบล้างความผิดเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์.
ฝ่ายพวกข้าพเจ้าผู้เป็นพลไพร่ประดุจสัตว์เลี้ยงของพระองค์จะสนองพระเดชพระคุณเป็นนิตย์: จะกล่าวสรรเสริญพระองค์ทุกชั่วอายุต่อๆ ไป”
บทเพลงสรรเสริญ 79:8-9, 13 TH1940
-
วิวรณ์ 6-7, 12, 14:1-5
- Visa fler