Avsnitt
-
หนังสือ The Greatest Salesman in the World ของ Og Mandino
- เราทุกคนเป็นนักขายกันอยู่แล้ว เรามักจะนำเสนอตัวเองให้ผู้คนได้รับรู้ในมุมมองที่แตกต่างกันไป
- ปรัชญาของการขายคือ ตัวเรามีอะไรที่สามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ที่เขาต้องการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราหรือไม่
- ผู้ที่ควบคุมตัวเองได้ทั้งหมดเท่านั้น ที่จะสามารถควบคุมทุกสิ่งอย่างได้ เพียงแค่เราทำอย่างที่ธรรมชาตินั้นบอกให้เราทำ
- ความสำเร็จ คือการมองความล้มเหลวอย่างมีสติ วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้ทำ แต่ไม่ใช่จุดท้ายที่สุดของชีวิต
- มุมมองคือทัศนคติ ที่จะเบิกเนตรเรา มันทำให้เราเล็งเห็นว่า เราจะทำอะไรก็ได้อย่างสิ่งที่เราปรารถนา แต่เราจะไม่ได้ทุกสิ่งที่เราปรารถนา
-
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องอยากจะระบายและอยากปรึกษา คือหนูไม่เคยมีแฟนมาก่อน ตอนที่หนูอยู่ ปี 1 หนูแอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง ภายนอกเขาเป็นคนหล่อ สูง และผิวขาว เราเจอกันในงานของมหาวิทยาลัย แล้วก็แอบชอบมาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งตอนที่อยู่ตอน ปี 2 หนูก็เจอเขาในแอปหาคู่ แล้วหนูก็ไปเป็น FWB กับเพื่อนของคนที่หนูแอบชอบค่ะ เขาชื่อแม็ก หนูเป็นเด็กของเขา หนูอยู่ในความสัมพันธ์นี้มา 1 ปี หนูก็รู้ว่าเขามีแฟนแล้วค่ะ แต่หนูกับเขาก็ยังอยู่ในสถานะนี้อยู่ จนวันหนึ่งหนูได้เจอผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้หนูออกจากความสัมพันธ์นี้ได้ เขาชื่อเสก หนูก็เลยจบกับแม็กแล้วมาคุยกับเสกแทน ตอนนั้นในช่วงแรก ๆ มันดีมาก ดีแบบมาก ๆ เลยค่ะ แต่แล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หนูคิดไว้ค่ะ เสกไม่ได้มีแค่หนูคนเดียวค่ะ เขามีคนอื่นทั้ง ๆ ที่หนูมีเขาแค่คนเดียว มันเลยทำให้หนูกับเสกเลิกกันไปในรอบแรก แต่หนูก็กลับมาคุยกับเสกอีกรอบนึง แต่รอบนี้เขามีความรู้สึกกับหนูเปลี่ยนแปลงไป เขาเกลียดหนูมากเขาบอกว่า เราเลิกยุ่งกันไปดีไหม เขาเบื่อหนู หลังจากนั้นเขาก็ตัดช่องติดต่อหนู แบบบล็อกทุกอย่าง เลยมาทบทวนว่าตอนที่หนูอยู่กับเสกมันมีความสุขแค่ช่วงแรก ๆ แต่หลัง ๆ หนูกลับรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ในการประคับประคองความสัมพันธ์นี้เอาไว้ หนูไม่มีความสุขเลย ตอนที่หนูอยู่กับคนที่ชื่อแม็กหนูกลับมีความสุขมากกว่าอีก ใจหนึ่งหนูก็คงยังรักเสก และอยากให้เขากลับมาหา แต่อีกใจหนึ่งหนูก็เจ็บทรมานมากค่ะ อยากให้เสกเขาเจอแบบที่หนูเจอ ให้เขาได้รู้สึกถึงสิ่งที่เขาได้ทำ และอยากให้เขาเจอคนแบบเดียวกับเขา หนูเลยสงสัยว่าหนูควรทำยังไงหนูถึงจะออกจากจุดที่หนูเป็นอยู่ตอนนี้ได้ หนูไม่อยากเจ็บแบบนี้อีกแล้วค่ะ
- สถานะเป็นตัวกำหนดความรู้สึกมวลรวมทั้งหมด ยิ่งสถานะเบาเท่าไหร่ ความสุขจะมากขึ้นเท่านั้น
- ความสัมพันธ์ที่จริงจัง จะมาพร้อมกับภาระผูกพันด้วยเสมอ หากว่าเราต้องการความสุขมาก จะต้องไม่คิดมากในเรื่องความสัมพันธ์
- ทำไมสถานะที่ไม่ผูกมัดในหลาย ๆ สถานะถึงมีความสุขมากกว่า ก็เพียงเพราะเราไม่ได้คาดหวัง ยิ่งคาดหวัง ยิ่งผิดหวัง จงรู้อยู่ในทุกสถานะ
- ลองเปลี่ยนบริบทการมองเช่น ตอนนี้เรามีแฟน เราก็ย่อมเห็นมุมของคนเป็นแฟน ลองคิดกลับกันถ้าเรามีสถานะที่เป็นเบอร์ 2 แล้วเบอร์ 1 จะรู้สึกแบบเดียวกับเราตอนเป็นเบอร์ 1 ไหม
- ถ้าเราคิดในมุมของเราว่า เราไม่ได้ผิดอะไร ใช่เราเองไม่ผิด แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง เราต้องตระหนักว่า ตัวเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ไม่ใช่ เพราะเราผิดในอีกจุดหนึ่งของอีกเรื่องราวหนึ่งเสมอ
-
Saknas det avsnitt?
-
ข้อความโพสต์จาก Simon Sinek ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ถ้าหากไม่มีคนที่ยอดเยี่ยม แม้แต่ความคิดที่ดีก็ย่อมไร้ซึ่งคุณค่า"
- เหมือนว่าคนกับความคิดต้องไปพร้อมกัน แม้ว่าจะมีไอเดียที่ดีมากมาย แต่ไม่สามารถใช้งานได้ก็ถือว่าโมฆะ
- ปัญหาของผู้คนในยุคนี้คือ คิดว่าเราได้ยินได้ฟังแค่นั้นก็พอแล้ว ซึ่งความเป็นจริงมันไม่เคยพอเลย
- ความคิดที่ดี ก็ย่อมต้องอยู่กับคนที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะมันจะไม่สามารถเป็นไปได้ถ้าเรามีเหตุที่ไม่ถึงพร้อม
- กระบวนการสร้างชีวิตที่ดี จึงเป็นคำถามที่ยากพอสมควร เพียงแต่เราแค่ต้องน้อมรับว่าอนาคตคือสิ่งที่เราสามารถกำหนดได้
- ทัศนคติที่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนแต่ตามหา แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีทัศนคติที่ดีจริง ๆ มันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าดีอย่างไร แต่มันดีไปทำไมมากกว่า
-
หนังสือ The Teen Interpreter: A Guide to the Challenges and Joys of Raising Adolescents ของ Terri Apter
- การจะเลี้ยงดูลูก ที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง
- สังเกตลูกของตัวเองว่ามีความคิด ความอ่านอย่างไร เพื่อที่จะกรอบวิถีชีวิตให้ดีที่สุด
- แต่ละคนก็คือแต่ละหนึ่ง ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ เราจึงต้องคอยพูดคุยกันแบบเปิดใจกับลูกอยู่เสมอ
- วัยรุ่นเป็นวัยที่ เราจะไม่สามารถไปบังคับอะไรได้มาก แถมเขาก็ย่อมมีความคิด มีสังคมและแบบแผนด้วยตัวของเขาเอง
- ทั้งนี้ ขอบเขตที่เราควรจะมีให้กับลูกในวัยนี้ ขึ้นอยู่กับนิสัยและพฤติกรรม เพราะเด็กบางคนยังพอคุมได้ แต่บางคนไม่สามารถคุมได้เลย
-
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีครับ ตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 คือเป็นช่วงกำลังตัดสินใจว่าเราจะเข้าคณะอะไรสาขาอะไร ในระดับมหาวิทยาลัย แล้วตอนนี้ผมติดรอบแรก มันเลยเป็นช่วงที่ผมกำลังลังเลอยู่ว่าจะเลือกอะไรดีระหว่าง 1. คณะที่คนส่วนมากมองว่า ตกงานแต่มหาวิทยาลัยอยู่อันดับต้น ๆ จบมาแล้วยังมีงานทำอยู่ และ 2. คณะที่คนหลายคนมองว่าดี แต่มหาวิทยาลัยอยู่ลำดับรั้งท้าย เลยอยากสอบถามว่า ถ้าในความคิดเห็นของพี่จะเลือกอะไรครับ อยากรู้ความคิดเห็น ตอนนี้คิดทุกวันก็ยังตัดสินใจไม่ได้ครับ
- เหตุการณ์ตัดสินใจจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักก็คือ 1. เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมาก และ 2. เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตน้อย
- เมื่อเราถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเหตุการณ์ใหญ่ เช่น เลือกคบเพื่อน แฟน หรือการสร้างครอบครัว และการเข้ามหาวิทยาลัย หรือการเลือกงาน ก็จำเป็นจะต้องใช้สติปัญญาสูงในการตัดสินใจเสมอ
- คณะที่เรียนในวันนี้ อาจจะไม่ตรงกับสายงานที่เราทำงานก็ได้ในอนาคต แสดงว่าคำถามว่า มหาวิทยาลัยอันดับไหนดีที่สุด หรือคณะไหนดีที่สุดไม่มีอยู่จริง มันมีแต่คณะไหนเหมาะสมกับเราที่สุด
- เมื่อเรารู้จักตัวเองเร็ว ปัญหาก็จะถูกย่อยออกมาให้เรียนรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ซับซ้อน สับสน หรือวุ่นวายเวลาตัดสินใจ ถ้าเราไม่รู้จักตัวเองเลย ก็จงปรึกษาคนที่จะรู้จักเราจริง ๆ แล้วลองชั่งน้ำหนักดู
- บางคนเหมาะกับคณะนี้เพียงเพราะ เขาเหมาะสม แน่นอนว่าอนาคตเป็นสิ่งที่จะกำหนดได้ยาก ยุคสมัยหนึ่งต้องการอาชีพหนึ่ง บางยุคสมัยก็อาจจะต้องการอีกอาชีพหนึ่ง ณ วันที่เรียนจบอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
-
ข้อความโพสต์จาก Mark Manson ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ชีวิตนั้นง่ายดาย มันเป็นการที่เราหาสามสิ่งที่เรารักมันคือ 1. สิ่งที่ทำเงินให้กับเราได้ 2. การหาเพื่อนที่เราจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้ และ 3. ตามหาสิ่งที่เราจะทำเพื่อชีวิตของเราทั้งชีวิต แค่นั้นเอง"
- เมื่อสามสิ่งของชีวิตก็คือ สิ่งที่เราจะต้องพึ่งพาสิ่งนั้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเงิน ความสัมพันธ์ และตัวเราเอง
- ถ้าเราย่อยให้เหลือแค่สามสิ่ง เราก็จะโฟกัสกับชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นสาระประโยชน์ในชีวิต
- ใช้ชีวิตเหมือนกับว่า วันนี้คือวันสุดท้ายที่เราจะตอบคำถามทั้งหมดของชีวิตได้ ไม่ต้องกังวลอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น
- ชีวิตเป็นของยากก็จริง แต่มันจะง่ายมากยิ่งขึ้น ถ้าเราเรียนรู้ที่จะเข้าใจชีวิตบ้าง ไม่ใช่มัวแต่ให้ชีวิตมาเข้าใจเรา
- ไม่ใช่ว่าเราจะมองชีวิตง่ายแล้วมันจะง่าย จงเรียนรู้ความยากลำบากทุกรูปแบบ แล้ววันหนึ่งเราจะพบว่าชีวิตมันง่ายเพราะเราเจอสิ่งที่ยากมาก่อน
-
หนังสือ Discipline Is Destiny: The Power of Self-Control ของ Ryan Holiday
- เมื่อเรามีเสียงเรียกจากจิตวิญญาณ เราก็ต้องเดินทางไปต่อด้วยเสียงเรียกนั้น
- วินัยจึงเป็นคำตอบเดียวของวิถีของชีวิต หากเราขาดวินัยชีวิตก็ไม่สามารถขับเคลื่อนไปไหนได้
- คุณสมบัติต่าง ๆ ของชีวิต เป็นเพียงแค่แง่มุมหนึ่งเท่านั้น เราจะไม่ชี้ชัดเพียงแค่คุณสมบัติใดคุณสมบัติหนึ่ง
- ปูชนียบุคคล ที่ได้ขนานนามว่าเป็นผู้ฝึกตน เป็นนักปราชญ์ ผู้คนเหล่านั้นล้วนแต่ต้องบ่มเพาะตัวเองมาในระดับสูง
- แม้ว่าวินัยจะคือการกำหนดโชคชะตาของเรา แต่เราก็จำเป็นจะต้องนำมันมาผลักดันแง่มุมอื่นของทักษะด้วยเสมอ
-
มีคนมาปรึกษาว่า โดนนอกใจซ้ำ ๆ ตลอดเวลา 7 ปี โดนไป 4 หน แล้วเป็นคนเดิม แถมแฟนเราก็ไปคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเราก็จับได้ว่าเขาแอบคุย แล้วก็ไปเจอกับผู้หญิงคนนั้น พอเราจะเลิก เขาก็ขอโอกาสตลอด อยากขอคำพูดที่ทำให้ตัดขาดให้ได้สักทีค่ะ
- ถ้าหากว่าคน ๆ หนึ่งนอกใจซ้ำ ๆ ก็ให้คิดไว้เลยว่า คนนี้เป็นคนแบบที่เขาทำลงไป
- การให้โอกาสคน จะต้องย้ำไว้เสมอว่าอย่าให้บ่อยเกินไป 2-3 รอบเป็นอย่างมาก
- ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเราว่า เรามองความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นอย่างไร การตัดสินใจส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับเราทั้งหมด
- คนที่น่าคบหากับคนที่ไม่น่าคบหา เราต้องแบ่งแยกคนแล้วเข้าไปยังกลุ่มดังกล่าวด้วยเสมอ เพราะมันจำเป็น
- ทั้งนี้ คำแนะนำที่ดีที่สุดในการที่เราจะตัดความสัมพันธ์ให้ขาด คือ เราก็จะต้องหาเรื่องหรือว่าทำสิ่งที่มีน้ำหนักเทียบเท่าหรือมากกว่าในการตัดความสัมพันธ์
-
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "กฎของธรรมชาตินั้นคือ ถ้าเราต้องการขยายตัวตนของเราให้มากขึ้น มันก็เหมือนเป็นการทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น คุณรวมถึงผู้คนมากมายจะทำหน้าที่คล้ายกันกับเทรนเนอร์ในยิม เพื่อจะออกแบบให้ร่างกายนั้นแข็งแรงต่อไป"
- จงขับเคลื่อนตัวของคุณเองและผู้คนที่คุณรัก เพื่อให้เขาทำสิ่งที่ยากสืบไป
- ความยากจะนำมาซึ่งความง่ายต่อไป ไม่ใช่ว่าเราจะเลือกแต่อะไรง่าย ๆ แล้วจะไปหวังให้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ได้ยากกลับคืนมา
- ทุกคนล้วนเป็นเบ้าหลอมให้กับชีวิตของเรา และทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นสิ่งที่จะกำหนดอัตลักษณ์ตัวตนเราสืบไป
- โลกใบนี้ย่อมเป็นมิตรกับเรา ก็ต่อเมื่อเรานั้นมีความอ่อนน้อมถ่อมตนกับโลกใบนี้ให้ได้มากที่สุด
- กฎของธรรมชาติเป็นกฎเดียวที่เราต้องยอมศิโรราบ อย่าไปต่อกรกับกฎของโลกไม่เช่นนั้นเราจะเจ็บปวดอย่างหาที่สุดมิได้
-
หนังสือ It's Not TV: The Spectacular Rise, Revolution, and Future of HBO ของ Felix Gillette and John Koblin
- เมื่อช่องทีวีเป็นมากกว่าทีวี นั่นหมายถึงมันคือสื่อที่กำลังปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เสพสื่อ
- อนาคตกาลของสื่อ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างหาที่สุดมิได้ ก็เพียงเพราะมันคือการแข่งขันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- แล้วการจะสร้างสื่ออย่างไรให้มีผลกระทบเชิงกว้าง และเชิงลึกให้กับผู้ที่เสพสื่อ จึงเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง
- มีบางเรื่อง บางบทตอนที่ทางช่องก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ทั้งหมดว่า ทำไมรายการนี้ ซีรีส์เรื่องนี้โด่งดังมาได้อย่างไร
- ทั้งนี้ การทำธุรกิจสื่อ เหมือนกับการเล่นกับอารมณ์ของผู้เสพสื่อตลอดเวลา บางทีตั้งใจสื่อแบบนี้ แต่คนก็ตีความไปอีกแบบก็ได้เช่นกัน
-
มีคนมาปรึกษาว่า ขอปรึกษาหน่อยค่ะ คือเราเรียนจบปีนี้ แล้วก็ทำงานด้วย ทำทุกอย่างที่ได้เงินเลยค่ะ เราคิดว่าการมีเงินมันสามารถทำอะไรได้สะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งตอนนี้เรามีแฟนค่ะ แฟนอายุ 31 ปี โตกว่าเราแต่ก็ยังไม่มีงานหรือหาเงินเองได้เลยสักบาท ย้ำว่าทุกวันนี้แฟนขอที่บ้านกินใช้อยู่ เราคุยกับเขาตลอดนะคะ ทะเลาะกันตลอดเรื่องให้หางานทำสักที แต่เขาก็ทำตัวชิวมาก เพิกเฉย พอเราพูดทีก็ทำตัวน้อยใจที่บอกให้เขาทำงาน แถมเขาก็บอกว่าก็หาเงินอยู่ทุกวัน แต่คือหางานทุกวันก็จริงค่ะ แต่ผ่านไปดูเหมือนว่าเขาไม่ทำสักงานเพราะมัวแต่เกี่ยงงาน เขาให้เหตุผลว่าอยากทำงานที่ตัวเองถนัด ซึ่งก็เข้าใจเขานะคะ แต่เรารู้สึกว่าว่างงานมา 3 ปี ขนาดนี้ไม่ควรเลือกงานแล้ว ควรต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินก่อน เพราะยุคสมัยนี้ตัวเลือกมันน้อย ฝากให้คำแนะนำเขาด้วยนะคะ เราเหนื่อยกับเรื่องนี้มาก ๆ เนื่องจากเรารู้สึกว่าเขาควรต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวของเขาเองค่ะ ในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้จ้องจะขอเงินเขาเลยนะ เพราะตอนนี้ก็หาเองทุกวันอยู่แล้วค่ะ
- เราเริ่มต้องแยกประเด็นระหว่าง ปัญหาของเรา หรือไม่ใช่ปัญหาของเราก่อนอันดับแรก
- ถ้าเราหวังดีอยากให้คนที่เราเป็นห่วง เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เลี้ยงชีพเองได้ สิ่งนั้นเป็นเจตนาที่ดี
- แต่ถ้าเราเริ่มบ่น ก่นด่า รวมไปถึงย้ำบ่อย ๆ ด้วยความหวังดีที่แฝงไปด้วยการบังคับขู่เข็ญว่าเขาต้องทำแบบนี้เท่านั้น
- การที่พ่อแม่ยังเลี้ยงดู คนอายุ 31 ปี หรือจะกี่ปีก็ตามแต่ เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ยุคสมัยนี้ไม่ได้ง่ายที่จะหาเงินได้เอง
- ทั้งนี้ ลองเปิดใจจับเข่าคุยกัน ตัวคนที่หาเงินได้ก็ต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แบบเรา ส่วนคนที่ไม่ขวนขวายทำอะไร ก็ให้มองว่าตัวเราต้องตระหนักอะไรบ้างได้แล้ว
-
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ผู้คนมักจะพูดว่า มันดูไม่แฟร์หรือมันดูไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติกับผู้คนอย่างแตกต่างกัน แต่ทว่าการกระทำของแต่ละผู้คนที่เสริมสร้างความเหมาะสมนั้น ทำให้มันแตกต่างกัน ก็เพียงเพราะว่าผู้คนต่างคนก็ต่างบริบท แล้วถ้าคุณเป็นช่างตัดเสื้อ คุณจะไม่สามารถให้เสื้อไซส์เดียวกันกับทุกคนได้เลย อย่างไรก็ตาม ความสำคัญก็คือเราควรมีมาตรฐานการสร้างระเบียบขึ้นมา มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมองค์กรของผมซึ่งจะทำให้มันสดใหม่ได้นั้น จำเป็นต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ให้มาก ยกตัวอย่างเช่น การทำงานในบริษัทมาหลายปี เราก็จึงมีปัจจัยการปฏิบัติกับผู้คนต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่จะมีผู้คนที่ไม่ได้จริงใจกับบริษัท ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องปฏิบัติอย่างละเท่า ๆ กันเสมอไป"
- จงอย่าปฏิบัติกับผู้คนอย่างเท่าเทียมจนเกินไป แต่จงปฏิบัติกับผู้คนอย่างเหมาะสม
- ปัญหาของการปฏิบัติเท่ากัน มันจึงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นหลายยุคหลายสมัย มันไม่ใช่เพียงแค่ในองค์กรแต่ในครอบครัวก็เช่นกัน
- ถ้าคนนี้เป็นคนดีในแบบที่ดีจริง ๆ กับอีกคนนึงเป็นคนดี ในแบบที่ไม่ได้ดีจริง ๆ เราควรจะปฏิบัติกับสองคนนี้อย่างไร
- เมื่อโจทย์ก็คือ ปัจจัยใดบ้างที่มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติของคน ๆ หนึ่งได้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราต้องไปตามหาที่เหตุนั้น
- ทั้งนี้ การที่เราจะเป็นช่างตัดเสื้อที่ดีที่สุดในโลก เราจำเป็นต้องรู้ทักษะในการสังเกตความเหมาะสมของสรีระร่างกาย และหาสิ่งที่เข้ากันกับคนนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม
-
หนังสือ มองหน้าหาคู่ ของ อาทิตย์ วรันธรกุล (ซินแสโอ)
- โหงวเฮ้งคือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องใบหน้า ตำแหน่งของใบหน้ามักจะมีความหมายอยู่ทุกจุดเสมอ
- ถ้าเราอยากจะหาคู่ชีวิตที่ดี จงสังเกตตรงหน้าผาก ขมับ จมูก และริมฝีปาก เพราะมันหมายถึงเรื่องความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ
- โดยทุกส่วนล้วนมีอายุขัยที่แตกต่างกันไป ช่วงวัยไหนอยู่ตรงไหนก็จะหมายถึง วัยที่เราเข้าไปถึงตรงจุดนั้นมีความหมายอย่างไร
- ใบหน้าที่เรียวยาว ก็เหมาะสมกับใบหน้าที่มนกลม แน่นอนว่าใบหน้าผสมก็ย่อมหาคู่ชีวิตที่ยากกว่า เพียงเพราะธาตุที่ไม่ลงรอยกับใบหน้าอื่น
- ทั้งนี้ โหงวเฮ้งเป็นศาสตร์ที่มีความเก่าแก่อย่างยิ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและตีความด้วยเสมอ ไม่ปักใจเชื่อเพราะอ่านมา แต่จงสอบทานให้ถึงพร้อม
-
มีคนมาปรึกษาว่า แฟนชอบขุดเรื่องเก่า ๆ ของเราในด้านไม่ดีมาพูดซ้ำ ๆ แล้วก็จะมาไม่พอใจเราระแวงเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว คบกันมา 4 ปี เรารักเขามาก ๆ เราทุ่มเทให้เขามากเลยค่ะ มีแค่เขาคนเดียว แต่เขาชอบใช้คำพูดที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี จนเราร้องไห้ทั้งคืนเลย พอเราพยายามอธิบายว่าเราไม่ชอบให้พูดแบบนี้ เขาก็จะเอาแต่บอกว่าไม่เข้าใจ ไม่อยากรับฟัง ควรทำยังไงดีคะ ค่อนข้างเป็นพิษเลย
- นิสัยของคนเราต่างกัน บางคนชอบขุดเรื่องเก่า ๆ ก็เพียงเพราะเขายังไม่ลืมสิ่งที่เราทำลงไป
- บางอย่างเราเป็นคนผิด แต่เขาไม่พร้อมที่จะให้อภัยจริง ๆ หรือบางเรื่องมันอาจจะร้ายแรงจนต้องเอามาพูดบ่อย ๆ ก็ได้
- ถ้าเกิดการที่เราคบหากันแล้วมันไม่มีพื้นที่ในการไปต่อได้จริง ๆ ก็ขอให้ถอยกันคนละก้าว แล้วตัดสินใจอีกทีว่าจะเลิกคบกันไหม
- ใช้เหตุผลให้มากกว่าอารมณ์ อย่าใช้อารมณ์มากเกินไป เพราะอารมณ์เป็นบ่อเกิดของปัญหาที่ตามมามาก โดยที่เราไม่รู้ตัว
- ทั้งนี้ สังเกตตัวเองให้ดี ๆ ว่าเราเป็นคนอย่างไร บางคนไม่ค่อยทำผิด แต่ผิดแล้วเขาจำ บางคนทำผิดอย่างบ่อย แต่ผิดแล้วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน
-
ข้อความโพสต์จาก Steve Burns ได้เขียนข้อความไว้ว่า "มันดีขึ้นเยอะถ้าเราเพิ่มอัตราเร่งกระบวนการของการใส่ใจผู้คนรอบข้าง"
- ในรูปเราจะพบว่า ตั้งแต่เกิดมาเราอาจจะยังไม่ค่อยใส่ใจใคร แต่เราจะใส่ใจมากที่สุดในช่วงวัยรุ่น และลดลงฮวบในช่วงวัยกลางคน
- แถมการอธิบายในรูปก็ย่อมแสดงให้เราทุกคนเห็นว่า มนุษย์แคร์คนมากช่วงหนึ่งเพราะ เขามีความคาดหวังอย่างยิ่ง
- แต่แล้วพอความคาดหวังหมดสิ้นลง มันก็คือการที่เราหันมาใส่ใจตัวเอง หรือไม่ก็งอกไปฝั่งที่ไม่ใส่ใจใครเลยเข้าไปใหญ่
- ลองปรับวิถีอัตราเร่งกระบวนการสร้างในเรื่องของความใส่ใจผู้คนสักหน่อย เช่นค่อย ๆ เริ่มไปทีละนิด แล้วค่อยสูงสุดช่วงวัยกลางคนก็ยังได้
- ทั้งนี้ การเอาใจเขามาใส่ใจเรายังเป็นทักษะที่จำเป็นอยู่เสมอ เราจะต้องตระหนักให้ได้ว่า เราเองยังต้องการคนใส่ใจ เราก็ย่อมต้องใส่ใจผู้คนรอบข้างบ้าง
-
หนังสือ Stock Startup ลงทุนหุ้น VI ของ เอิญ สุริยะฉาย
- เรียนรู้เรื่องงบการเงินผ่านเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ นั่นก็คือเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า
- บริษัทในตลาดหุ้นจะมีหลากหลายอย่างมาก แล้วนับวันบริษัทก็มักจะจดทะเบียนในตลาดหุ้นมากขึ้น
- มันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องการเงิน ส่วนเคล็ดลับส่วนใหญ่ก็คือให้สนใจเรื่องเกี่ยวกับกระแสเงินสดเป็นหลัก
- ระยะเวลาที่เราเป็นเจ้าหนี้ควรจะสั้น ส่วนระยะเวลาที่เราเป็นลูกหนี้ควรจะยาว นั่นหมายถึงเรามีอำนาจต่อรองสูงมาก
- ทั้งนี้ การอ่านงบการเงิน จำเป็นจะต้องอ่านแบบโดยรวม อย่าโฟกัสงบใดงบหนึ่ง แล้วอย่าลืมอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินด้วยเสมอ
-
มีคนมาปรึกษาว่า กำลังตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ เลยอยากรู้ว่ามีคำแนะนำ ที่เป็นการเตือนสติในการใช้ชีวิตหลังจากนี้บ้างไหมคะ อยากอ่านแล้วเหมือนมีผู้ใหญ่ให้กำลังใจหรือตักเตือนเหมือนลูกเหมือนหลานค่ะ อยากได้แบบเวลากลับมาอ่านแล้วใจมันสู้
- ทุกการตัดสินใจ ล้วนมีคำตอบรอเราอยู่เสมอ แล้วก็แน่นอนว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
- ไม่มีอะไรในชีวิตที่เราควรกลัว แต่ก็แน่นอนว่าเราไม่สามารถจะสร้างความกล้าโดยปราศจากความกลัวไปได้เลย
- ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เช่น พ่อ แม่ ลูก ครบถ้วน แต่มันอาจจะเป็นการที่เราเข้าใจแก่นของชีวิตว่า ทุกอย่างอยู่ที่การใส่ใจกันจริง
- เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพียงแค่คำเดียวก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ คนหนึ่งคนถึงแม้เราอาจจะไม่ได้รักเขา แต่เราก็ควรฝึกที่จะสวมรองเท้าเดียวกับเขาบ้าง
- ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนมีคุณค่าเป็นของตัวเอง ซึ่งมันจะไม่สามารถมีคำนิยามที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เราทุกคนจึงจำเป็นจะต้องค้นหา ไขว่คว้า และแสวงหาคำนิยามด้วยตัวของเราเอง
-
ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ไม่ว่าขณะใดก็ตามแต่ ฉันมักจะทำบางสิ่งบางอย่าง แล้วก็มักจะคิดว่า 'คนที่แปลกประหลาดจะทำแบบนี้ไหม' รวมไปถึงถ้าพวกเขาทำแบบนั้น เราก็ต้องไม่ทำในสิ่งที่เขาทำเท่านั้นเอง"
- คนที่แปลกมักจะมีความคิดที่ไม่ลงรอยกับความเป็นจริง ซึ่งแน่นอนเขาอาจจะมีความชาญฉลาดอย่างยิ่ง
- สำรวจตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร มีเงื่อนงำใดบ้างที่ทำให้เราเป็นคนแปลกประหลาด เกินจะเยียวยาบ้างไหม
- บางคนไปตัดสินคนอื่นว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สรุปว่าเขานั่นเองที่เป็นคนไม่ดีอย่างที่เขาไปตัดสินผู้อื่น
- การบังคับ โน้มน้าวผู้คนโดยขาดเหตุผลที่ดีต่อตัวบุคคลนั้น ๆ เราจะต้องตัดความสัมพันธ์นั้นทิ้งไปให้ไวที่สุด
- วิธีที่เราจะแยกคนที่แปลกประหลาดออกจากผู้คนทั่วไปนั่นก็คือ การที่บุคคลนั้นเอาใจเขามาใส่ใจเรา พร้อมกับนึกถึงผู้คนอื่นอยู่เสมอ และอ่อนโยนเป็นปกติ
-
หนังสือ Take Charge of Your Life ของ Jim Rohn
- มีสักกี่คนที่จะควบคุมชีวิตได้อย่างหมดจด ผู้คนส่วนใหญ่แล้วควบคุมไม่ได้แม้กระทั่งความคิดของตัวเอง
- เมื่อเราควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ เราจะสามารถควบคุมผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตได้
- ไม่มีทางที่ชีวิตจะปล่อยไปตามลม เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่คิด พูด หรือกระทำสิ่งใดได้จริง
- หากเราต้องตัดสินใจอย่างหนึ่งในชีวิต เราจำเป็นจะต้องเลือกทางที่ใช่ที่สุด ที่เหมาะสมกับตัวเราเอง
- ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เริ่มต้นจากตัวเราเองทั้งหมด อย่าไปเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะมันจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ
-
มีคนมาปรึกษาว่า ลูกชายอายุ 15 ปี กำลังจะไปตามหาความฝันที่กรุงเทพ แต่โรงเรียนที่ไปไม่มีหอในมีแต่หอนอก ควรจะให้ลูกไปไหมคะ
- การที่เราต้องปล่อยลูกเราไปจากอ้อมอก เป็นสิ่งที่ยากสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่มันคือสิ่งที่สักวันหนึ่งก็ต้องทำ
- สังเกตลูกของตัวเองให้ได้ละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด เช่น มีความรับผิดชอบไหม มีคำมั่นสัญญาที่ดูหนักแน่นไหม เพราะทุกอย่างมีเหตุผลอยู่เสมอ
- คนที่จะไปอยู่หอนอก อาจจะต้องควบคุมตัวเองสูงกว่าหอใน เพียงเพราะเราจะสามารถพาใครเข้ามาก็ได้ และมันอาจจะเลยเถิดไปได้ไกล
- วัฒนธรรมของแต่ละครอบครัวนั้นแตกต่างกัน เราจำเป็นจะต้องชั่งน้ำหนักด้วยดุลยพินิจของครอบครัวเราให้ได้มากที่สุด
- ทั้งนี้ แต่ละคนก็แต่ละหนึ่ง ถึงแม้เราจะปรึกษาคนนับพัน นับหมื่น แต่ยังไงแล้วคนที่ตัดสินใจครั้งสุดท้ายก็ย่อมเป็นเราอยู่ดี
- Visa fler