Avsnitt

  • ถอยมองวิกฤตน้ำท่วมสะท้อนโครงสร้าง แกะนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล และปรากฏการณ์ระเบิดบ้านป่าฯ มันจบแล้วครับลุง ชวนติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกัน

  • ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด

    https://youtu.be/h_-Fhj70kfM

    ทันทีที่รายชื่อคณะรัฐมนตรีแพทองธารปรากฏสู่สายตาสาธารณะอย่างเป็นทางการ ก็ได้ชื่อเล่นหรือฉายา ‘ครม. สืบสันดาน’ นำทีมโดย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บุตรสาวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และด้วยมาตรฐานจริยธรรมที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขีดเส้นไว้ ทำให้รัฐมนตรีที่มีความเสี่ยงต้องถอนตัว และส่งทายาทมาเป็นรัฐมนตรีแทน ความท้าทายที่คณะรัฐมนตรีชุดนี้ต้องเผชิญคือการพิสูจน์ฝีมือการบริหารประเทศว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ไม่ใช่ได้มาเพราะพี่หรือพ่อให้ ชวนติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกันได้ในวันที่ 7 กันยายนนี้ เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป

  • Saknas det avsnitt?

    Klicka här för att uppdatera flödet manuellt.

  • หลัง แพทองธาร ชินวัตร ก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีนายกฯ เงา หรือคนครอบงำที่ชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร สิ่งที่เกิดขึ้นคือความแปรผันของสมการการเมืองไทย ‘ปิดสวิตช์ 4 ป.’ ความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพลังประชารัฐ ถูกตัดขาดจากรัฐบาลแพทองธาร เช่นเดียวกับการร่วมรัฐบาลเพื่อไทยของประชาธิปัตย์ ที่ขอลืมความบาดหมาง หลังเป็นศัตรูทางการเมืองร่วม 26 ปี รวมถึง 2 ป. ที่เหลือ คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดาอย่างไรก็ตาม หมากเกมนี้ของทักษิณอาจต้องมีค่าใช้จ่าย เพราะยิ่งเติมเชื้อเพลิงให้กับคู่แค้นเพื่อถอนแค้นทักษิณ โดยเฉพาะ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่ตัดสินใจประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับทักษิณตลอด 51 ปีที่ผ่านมา หลังพรรคเสรีรวมไทยมีมติถอนตัวออกจากรัฐบาลเพื่อไทย เนื่องจากน้อยใจที่ทักษิณรับปากชดใช้หนี้ แต่กลับลืมคำสัญญา สะท้อนภาพรวมการเมืองไทยกับคำว่านิติสงครามจากขั้วแค้น ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะนำมาใช้เป็นอาวุธถอนแค้นทักษิณหรือไม่ ติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกันได้ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป

  • ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด

    https://youtu.be/7GlmB81QHZg

    รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ชัดเจนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือ ทักษิณ ชินวัตร อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ก็เท่ากับทักษิณเป็นนายกฯ ในแง่ความรู้สึกใครจะชอบหรือไม่ก็วิจารณ์กันไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปรากฏการณ์นี้สร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจและการลงทุน รวมไปถึงนักการเมืองและข้าราชการไม่ต้องฟังคำสั่งแล้วมองบน มองล่าง หันซ้าย มองขวากันอีกต่อไป แต่เหรียญมีสองด้านเสมอ เพราะอีกด้านหนึ่งมันได้ปลุกกระแสผีทักษิณให้ฟื้นตื่นตัวกันมาอีกครั้ง โจทย์ที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งต้องเผชิญคือการฟื้นเศรษฐกิจและกู้คะแนนนิยมกลับคืนมา ภายใต้การกำกับโดยอำนาจตุลาการที่สามารถประหารชี้เป็นชี้ตายทางการเมืองได้อีกที โจทย์นี้วัดใจรัฐบาลเพื่อไทยว่านอกจากจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาเชิงโครงสร้างการเมืองจะมีท่าทีขยับมากน้อยแค่ไหน ชวนติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกันได้ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป

  • หลังจากสภามีมติโหวตเลือก แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของการเมืองไทย โดยเฉพาะการเปลี่ยนหัวโขนหรือผู้กำหนดชะตาประเทศไทย สิ่งที่น่าจับตาคือ นโยบายต่างๆ จากนี้ของรัฐบาลเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร การปรับคณะรัฐมนตรี การทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ต้องดำเนินการ จะออกมาทิศทางไหน

  • การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือการเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ

    ยุบพรรคก้าวไกล เป็นไปตามคาด เพราะเหมือนหลายคนรู้คำตอบล่วงหน้า

    …ประเทศกูมี

    แต่ก็ดูเหมือนว่าพรรคก้าวไกลก็ได้เตรียมตัวไว้พร้อมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าคำตอบจะออกมาทางไหน

    ในรอบ 5 ปี การเมืองไทย ยุบพรรคไปแล้ว 3 หน อนาคตใหม่ ไทยรักษาชาติ และล่าสุดก้าวไกล

    แต่ทุกครั้งก็กำเนิดพรรคใหม่ สานต่อแนวทางพรรคเดิม

    และครั้งนี้ใช้ชื่อ ‘พรรคประชาชน’

    มีการวางและกำหนดแผนกันมาแบบกระชับพื้นที่ มัดรวม สส. เดิม และเปิดตัวพรรคแบบจบทันทีใน 48 ชั่วโมง

    กลยุทธ์เดินเกมไวหนนี้ขนานไปกับดาบที่ 44 สส. อดีตก้าวไกล ต้องต่อสู้เรื่องจริยธรรมร้ายแรงจากการเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 ที่ผลลัพธ์คือปิดประตูตายทางการเมืองไปตลอดชีวิต

    แต่ในเสียมีดี การสิ้นสุดของพรรคก้าวไกลแตกต่างจากพรรคอนาคตใหม่ เพราะมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงกลุ่มอนุรักษนิยมส่วนหนึ่งเข้ามาเป็นแนวร่วม

    พรรคประชาชนจะพาผู้คนเดินทางไปต่อได้แค่ไหน จึงน่าติดตามฉากทัศน์จากนี้ในอนาคต

  • ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด

    เดือนสิงหาคม 2024 อาจเรียกได้ว่าเป็นเดือน ‘สิงหาสับ’ กับ 3 ฉากทัศน์สำคัญที่สามารถชี้ชะตาการเมืองไทยและอนาคตของประเทศ หากไล่ไทม์ไลน์แล้ว ฉากทัศน์ต่างๆ จะเกิดขึ้นแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์

    เริ่มจากวันที่ 7 สิงหาคม ชี้ชะตาพรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรค ปมล้มล้างการปกครอง

    ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงไปยัง 2 ฉากทัศน์ที่เหลือคือวันที่ 14 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ปมแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

    และปลายเดือนสิงหาคม อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จะพ้นพักโทษ ได้รับใบบริสุทธิ์ ซึ่งอาจทำให้ทักษิณกลับมาลุยการเมืองเต็มตัว โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเรียกความนิยมจากประชาชนกลับมาอีกครั้ง

    น่าสนใจว่า 3 ฉากทัศน์นี้จะออกมาในทิศทางใด

  • จับตาสงครามครั้งใหม่ระหว่างบ้านป่ารอยต่อของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปะทะบ้านจันทร์ส่องหล้าของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มวยคู่เดิม เพิ่มเติมคือขุมกำลังของ พล.อ. ประวิตร ที่ได้ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง เจ้าของบ้านริมคลอง ณ บางบอน อดีตมิตรข้างกายทักษิณ ไปเสริมเขี้ยวคม สงครามครั้งใหม่จึงน่าจับตาเป็นเท่าทวีคูณ

  • 7 สิงหาคมนี้ นัดชี้ชะตาพรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรคหรือไม่ ขณะที่ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ซึ่งสะสมมานานจนมาฝีแตกในช่วงนี้ กำลังจะกลายเป็นวิกฤตทางการเมืองของรัฐบาล

  • รัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทยดูเหมือนยังไม่มีประเด็นอะไร แต่ถ้าส่องดีๆ จะพบรอยร้าวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ผ่านนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ ขณะที่ดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่จบเสียทีเรื่องที่มาของเงิน โครงการคงเกิดขึ้นจริงแน่ แต่ผลกระทบของโครงการจะให้คุณหรือโทษกับรัฐบาล ยังต้องติดตาม

  • ผ่านไปครึ่งปีในทางเศรษฐกิจจะมีการออกตัวชี้วัด ในทางการเมืองจะมีโพลสำรวจความนิยม ผลออกมาไปในทางเดียวกันคือหัวปักลงอย่างน่าตกใจ เอาตัวเลขเฉพาะสินทรัพย์ที่ใกล้ชิดกับประชาชนส่วนใหญ่นั่นคือ ‘บ้าน-รถยนต์’ พบว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 5 เดือนแรกหดตัว 24% ยอดโอนอสังหา 4 เดือนแรกสำหรับบ้านจัดสรรหดตัว 11.8% และอาคารชุดหดตัว 7.4%

    สอดคล้องกับโพลการเมืองที่ความนิยมในตัว เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คะแนนตกลงทุกครั้งที่มีการสำรวจรายไตรมาส หันไปมองการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จังหวัดปทุมธานี พรรคเพื่อไทยนำโดย ทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ทุ่มกำลังเต็มอัตราแต่ทำได้แค่เฉือนชนะพันกว่าคะแนน แถมชนะเลือกตั้งยังติดคดีความ ทำหน้าที่ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้

  • ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณบวกกับ ทักษิณ ชินวัตร หลังศาลอาญาให้ประกันตัวคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนคดี เศรษฐา ทวีสิน และยุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดพิจารณาคดีต่อ ซึ่งเชื่อมโยงกับการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่ฝ่ายค้านคือ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถล่มงบนี้ว่า “เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้” ทำให้ ดนุพร ปุณณกันต์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สวนกลับว่า “หากก้าวไกลถูกยุบ เจ๊งของจริง” สะท้อนคำถาม ‘บทเรียนยุบพรรคจากเพื่อไทยสู่ก้าวไกล’ ที่ในอดีตฟากเพื่อไทยและทักษิณเคยมีบทเรียนกับการถูกยุบพรรค 3 ครั้ง คือ ไทยรักไทย, พลังประชาชน และไทยรักษาชาติ แต่ถ้าถอดจากสิ่งที่พูด อาจมองว่าการยุบพรรคเป็นเรื่องที่ดีกับฝั่งตรงข้ามตนเอง ทั้งๆ ที่เคยประสบชะตากรรมมาก่อนหรือไม่

  • 18 มิถุนายน ไม่ทราบว่าฤกษ์ยามจากสำนักไหน แต่เรื่องใหญ่การเมืองไทยปะทุพร้อมกัน ตั้งแต่คดียุบพรรคก้าวไกลที่จะได้รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะนัดชี้ชะตาเลยหรือขยายเวลาต่อไปอีก วันเดียวกัน คดีที่ 40 สว. ไปยื่นถอดถอนนายกฯ เศรษฐา ศาลท่านก็จะกำหนดวันวินิจฉัยวันเดียวกันอีก คือการเลือก สว. จะล้มหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญท่านอาจชี้ชะตาเลยหรือไม่ และโฟกัสใหญ่คืออดีตนายกฯ ทักษิณ จะเดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อส่งตัวฟ้องคดีมาตรา 112 ต่อศาลหรือไม่

  • การเมืองไทยเข้าสู่เดือนมิถุนายนพร้อมกับความไร้เสถียรภาพ เราอยู่ในสถานะที่ไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะเป็นคนเดิมหรือต้องเปลี่ยนตัวเพราะต้องรอศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา ส่วนอดีตนายกฯ ทักษิณ ก็ต้องรอลุ้นว่าจะลงเอยอย่างไร หลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องคดี 112 และนัดมาส่งฟ้องต่อศาลวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ทั้งสองกรณีไม่ว่าจะลงเอยอย่างไร มันทำให้เดือนมิถุนายนกลายเป็นเดือนที่สูญเปล่าทางเศรษฐกิจ รัฐบาลทำงานอะไรก็ไม่ได้เต็มที่เพราะไม่รู้ลูกผีลูกคน ในขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจยังถาโถม วิกฤตศรัทธาของพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่กระเตื้องกลับมา

  • ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด https://youtu.be/rY2sKrtDLvc

    รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทำไปทำมานอกจากผลงานยังไม่เข้าตา คะแนนนิยมยังไม่ขยับผ่านโพลหลายสำนักแล้ว ยังจะดูง่อนแง่นขาดเสถียรภาพ ตั้งแต่คดีตามคำร้อง 40 สว. กรณีตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ที่ไปจ่อรอชี้ชะตาที่ศาลรัฐธรรมนูญ และกรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การดึง วิษณุ เครืองาม มาช่วยงานครั้งนี้จึงถูกมองได้สองแบบ แบบหนึ่งคือดึงมาช่วยงานรัฐบาลจริงๆ อีกแบบหนึ่งคือเป็นตัวแทนอำนาจเก่ามานั่งเฝ้ารัฐบาลเพื่อไทย

  • ถ้าถามว่าทำอย่างไรไม่ให้การเสียชีวิตของ บุ้ง เนติพร สูญเปล่า คำตอบคือการพูดถึงข้อเรียกร้องของเธอต่อไป ข้อเรียกร้องที่เรียบง่ายและไม่ต้องแก้กฎหมายใดๆ คือ ‘การคืนสิทธิประกันตัว’ เพราะบุ้งยังไม่ได้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด เช่นเดียวกับผู้ต้องหาทางการเมืองอีกหลายคนที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยกับวิธีการก่อนหน้านี้ของเธอหรือไม่ แต่ข้อเรียกร้องระหว่างอดอาหารของเธอถือเป็นหลักสากล การเสียชีวิตของบุ้งทำให้เกิดคำถามและการทวงสัญญาจากรัฐบาลเพื่อไทย ทั้งมาตรฐานการดูแลผู้ต้องหา และคำสัญญาที่พูดไว้เพื่อเรียกคะแนนกับคนรุ่นใหม่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ไหนๆ ก็เป็นรัฐบาลแล้ว อย่าให้เสียของ ใช้อำนาจที่พอมีขยับให้สังคมไทยก้าวหน้าในเชิงโครงสร้างไปอีกนิดดีกว่าไม่ขยับไปไหนเลย

  • ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้มีรัฐมนตรีลาออกอีกแล้ว ในทางการเมืองอาจไม่ได้ทำให้เห็นรอยร้าวของรัฐบาลเศรษฐา แต่ภาพลักษณ์ด่างพร้อยย่อมเกิดขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ขณะที่ผีจำนำข้าวยังตามหลอกหลอนรัฐบาลเพื่อไทยกับดราม่าข้าว 10 ปี ที่ตกลงแล้วกินได้หรือไม่ยังไม่รู้ แต่ที่รู้คือรัฐบาลบอกว่าคนไทยจะไม่ได้กิน

  • การเมืองหลังการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเฉลยตัวละครและความสัมพันธ์ทางอำนาจหลายอย่างให้กระจ่างชัดมากขึ้นเสมอ ในการปรับ ครม. เศรษฐาครั้งแรกนี้ก็เช่นกัน ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยก็จัดงาน ‘10 เดือนไม่รอ ทำต่อให้เต็ม10’ ตอกย้ำผลงานรัฐบาลหลังตัดสินใจตั้งรัฐบาลผสม นี่คืองานใหญ่หลังการปรับ ครม. ซึ่งทำให้เราเห็นบทบาทและทิศทางของรัฐมนตรีหน้าใหม่หลายท่าน

  • การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลเศรษฐาครั้งแรกยังวิ่งกันไม่หยุดแม้โผจะเริ่มนิ่งแต่ยังมีคนวิ่งจนนาทีสุดท้าย ทักษิณตั้ง เศรษฐาปลด ยิ่งเด่นชัดในกระแสปรับ ครม. การเดินทางไปกินข้าวกลางวันของนายกฯ เศรษฐา กับอดีตนายกฯ ทักษิณ คือการสื่อสารที่ชัดเจนของโมเดลการบริหารประเทศ-บริหารอำนาจของรัฐบาลปัจจุบันที่เหมือนจะคล้ายโมเดลลุงตู่-ลุงป้อม แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกันได้ในวันที่ 27 เมษายนนี้ เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป

  • รัฐบาลเศรษฐาทำงานไปได้ 7 เดือน มีการขยับปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) กันแล้ว แม้ตอนนี้ฝุ่นยังตลบแต่แหล่งข่าวระดับสูงยืนยันว่าปรับแน่นอน ขณะที่เศรษฐาก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ต้องวิ่งเต้น ผลงานจะเป็นทั้งเกราะป้องกันและบันไดให้อยู่ในตำแหน่ง มองในแง่มุมทางการเมือง การปรับ ครม. ครั้งนี้สะท้อนการแบ่งแยกอำนาจนำในการตัดสินใจระหว่างทักษิณกับเศรษฐา คนหนึ่งอาจชี้นำแต่งตั้งรัฐมนตรีได้ แต่อำนาจการประเมินผลงานเพื่อปรับ ครม. อยู่ที่เศรษฐา