Avsnitt
-
“พระยะโฮวาจึงได้ตรัสแก่โมเซว่า, “จงไปหาฟาโรบอกว่า, ‘พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้ว่า, “จงปล่อยพลไพร่ของเราให้ไปปรนนิบัติเรา. ถ้าแม้ไม่ยอม, เราจะบันดาลให้ฝูงกบขึ้นมาทั่วตลอดอาณาเขตต์ของท่าน: ครั้งนั้นกษัตริย์ฟาโรทรงเรียกโมเซกับอาโรนมาว่า, “เจ้าทั้งสองจงกราบทูลวิงวอนขอพระยะโฮวาให้ฝูงกบไปเสียจากเรา, และพลเมืองของเรา; แล้วเราจะยอมปล่อยบ่าวไพร่นั้นให้ไปบูชายัญแก่พระยะโฮวา.” เมื่อกษัตริย์ฟาโรทรงทราบว่าทุกข์ร้ายบรรเทาลงแล้วพระทัยก็กลับแข็งกระด้างไปอีก, ไม่ยอมเชื่อฟังโมเซและอาโรน; ตรงกับคำที่พระยะโฮวาตรัสไว้แล้วนั้น พระยะโฮวาจึงตรัสแก่โมเซว่า, “ในเวลารุ่งเช้าจงลุกขึ้นยืนต่อหน้าฟาโร; ฟาโรจะมายังแม่น้ำ; แล้วจงบอกว่า, ‘พระยะโฮวาตรัสดังนี้ว่า, “จงปล่อยพลไพร่ของเราให้ไปปรนนิบัติเรา ถ้าแม้ไม่ปล่อยพลไพร่ของเราไป, เราจะบันดาลให้ฝูงเหลือบตอมพระกายของท่าน, ตอมข้าราชการ, และพลเมืองด้วย: ฝูงเหลือบจะเข้าไปในราชสำนัก, และในเรือนของชาวอายฆุบโต, และตามพื้นดินที่เขาอยู่นั้นจะเต็มไปด้วยฝูงเหลือบ. ในเวลานั้นเราจะแยกเมืองโฆเซ็น, ที่พลไพร่ของเราอาศัยอยู่นั้นออก, มิให้ฝูงเหลือบนั้นอยู่ที่นั่น; เพื่อท่านจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวาสถิตอยู่ในท่ามกลางแผ่นดินโลก. ฝ่ายกษัตริย์ฟาโรได้ทรงเรียกโมเซและอาโรนมารับสั่งว่า, “จงไปบูชายัญแด่พระเจ้าของเจ้าในเขตต์ประเทศนี้.” กษัตริย์ฟาโรจึงรับสั่งว่า, “เราจะปล่อยพวกเจ้าไปเพื่อจะได้บูชายัญแด่พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าในป่า; แต่ว่าพวกเจ้าอย่าไปให้ไกลนัก: จงอธิษฐานพระเจ้าเผื่อเราด้วย.” ฝ่ายกษัตริย์ฟาโรก็ได้มีพระทัยแข็งกะด้างในคราวนี้อีกด้วย, มิได้ทรงยอมปล่อยบ่าวไพร่นั้นไป”
เอ็กโซโด 8:1-2, 8, 15, 20-22, 25, 28, 32 TH1940
-
“พระยะโฮวาจึงตรัสแก่โมเซว่า, “นี่แหละ, เราได้ตั้งเจ้าไว้เป็นผู้แทนพระเจ้าต่อฟาโร, และได้ตั้งอาโรนพี่ชายของเจ้าเป็นผู้กล่าวคำพยากรณ์แทนเจ้า. เจ้าจะประกาศข้อความทั้งหมดซึ่งเราสั่งแก่เจ้า; แล้วอาโรนพี่ชายของเจ้าจะบอกแก่ฟาโรให้ปล่อยชนชาติยิศราเอลออกไปจากประเทศของท่าน. เราจะให้ใจของฟาโรแข็งกะด้างไป, แล้วจะทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ของเราให้ทวีมากขึ้นในประเทศอายฆุบโต. แต่ฟาโรคงจะไม่เชื่อฟังเจ้า, แล้วเราจึงจะเหยียดหัตถ์ของเราเหนือประเทศอายฆุบโต, และจะพาหมู่กองพลไพร่ของเรา, คือชนชาติยิศราเอล, ให้พ้นจากประเทศนั้นด้วยการปรับโทษอันใหญ่หลวง. และจงกล่าวแก่ท่านว่า, ‘พระยะโฮวา, พระเจ้าของชาติเฮ็บราย, ตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ามาบอกว่า, “จงปล่อยพลไพร่ของเราไป, เพื่อเขาจะปรนนิบัติเราในป่า:” นี่แหละ, จนป่านนี้ท่านก็มิได้เชื่อฟัง.”
เอ็กโซโด 7:1-4, 16 TH1940
-
Saknas det avsnitt?
-
“และพระยะโฮวาได้ตรัสแก่โมเซว่า, “บัดนี้เจ้าจะเห็นเหตุการณ์ซึ่งเราจะกระทำแก่กษัตริย์ฟาโร: คือฟาโรจะปล่อยพลไพร่ไปด้วยถูกหัตถ์อันทรงฤทธิ์บังคับ, และท่านจะไล่พลไพร่นั้นออกจากประเทศด้วยอำนาจแห่งหัตถ์ของท่านเอง.” พระเจ้าตรัสแก่โมเซอีกว่า, “เราคือยะโฮวา; เราได้ปรากฏแก่อับราฮาม, ยิศฮาคและยาโคบ, ด้วยนามว่าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ส่วนนามยะโฮวานั้น, เรามิได้สำแดงให้เขารู้จักว่าเป็นนามของเราเอง. เราได้ตั้งคำสัญญาไมตรีของเราไว้กับเขาทั้งหลายแล้วว่า, เราจะยกแผ่นดินคะนาอัน, ซึ่งเป็นแผ่นดินที่เขาอาศัยอยู่เป็นแขกเมืองคราวก่อน, ให้แก่เขา. อนึ่งเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของชนชาติยิศราเอล, ซึ่งชาติอายฆุบโตกักไว้ให้เป็นทาส, และเราได้ระลึกถึงคำสัญญาไมตรีของเราแล้ว. เหตุฉะนี้จงกล่าวแก่ชาติยิศราเอลนั้นว่า, เราคือยะโฮวา, เราจะนำหน้าเจ้าทั้งหลายให้ออกจากการเกณฑ์ของชนชาติอายฆุบโต. และจะให้พ้นจากการเป็นทาสของเขา, และเราจะให้เจ้ารอดด้วยกรที่เหยียดออก, และด้วยการปรับโทษอันใหญ่หลวง: เราจะรับเจ้าทั้งหลายเป็นพลไพร่, และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า; และเจ้าทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ผู้นำหน้าเจ้าออกจากงานหนักซึ่งชาติอายฆุบโตเกณฑ์ให้ทำนั้น. เราคือยะโฮวา: จะนำพวกเจ้าให้ไปถึงแผ่นดินซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้แก่อับราฮาม, ยิศฮาคและยาโคบว่า, จะยกแผ่นดินนั้นให้แก่พวกเจ้าเป็นมฤดก.””
เอ็กโซโด 6:1-8 TH1940
-
“ดูกรพลไพร่ของเรา, จงเอียงหูฟังบทบัญญัติของเรา; จงเอียงหูของท่านทั้งหลายฟังถ้อยคำจากปากของเรา. ข้อความเหล่านั้นพวกเราจะไม่ซ่อนไว้จากลูกหลานของเรา, จะประกาศเรื่องถวายความสรรเสริญพระยะโฮวาให้แก่คนในชั่วอายุสืบไปฟัง, ทั้งพลานุภาพ, และการอัศจรรย์ของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำนั้น. เพราะพระองค์ได้ทรงตั้งคำปฏิญาณไว้แก่พวกยาโคบ, และทรงตั้งข้อบัญญัติให้แก่พวกยิศราเอล, ซึ่งพระองค์ได้ตรัสสั่งไว้แก่บรรพบุรุษของเรา ให้บอกเล่าแก่ลูกหลานของเขาต่อๆ ไป. เพื่อคนในยุคหลังและลูกหลานของเราด้วยจะได้รู้, และเมื่อเขาโตขึ้นแล้วจะได้บอกเล่าให้ลูกหลานของเขาฟังต่อๆ ไป, เพื่อจะไว้วางใจในพระเจ้า, และไม่ลืมกิจการของพระองค์, แต่จะรักษาบัญญัติของพระองค์. และจะไม่ได้เป็นเช่นบรรพบุรษของเขา. คือดื้อด้านและกบฏ, เป็นชาติที่ไม่ปลงใจให้ซื่อตรง, จิตต์ใจของเขาหาได้ตั้งให้แน่วแน่ต่อพระเจ้าไม่.”
บทเพลงสรรเสริญ 78:1, 4-8 TH1940
-
กฏหมายของเครื่องบูชาเผาครบ (6:8-13)
1. เครื่องเผาบูชา (สิ้นสุดตนเอง) จะต้องวางอยู่บนเตาไฟบนแท่นบูชาตลอดคืนจนถึงเช้า (พระคริสต์เสด็จกลับมา)
2. มีไฟของพระเจ้า (พระวิญญาณ) อยู่บนแท่นเสมอ
3. ปุโรหิตใส่ฟืนที่แท่นเวลาเช้าทุกวัน (ไม่เกียจคร้าน แต่ปรนนิบัติพระเจ้าด้วยวิญญาณที่กระตือรือร้น)
4. ปุโรหิตสวมเสื้อผ้าป่านและกางเกง (สวมใส่พระคริสต์ปกปิดกายเปลือยเปล่าน่าอาย)
5. เอาเถ้า (สิ้นสุดตัวตน) ออกไปข้างนอกที่พัก ใส่ไว้ในที่สะอาดด้านทิศตะวันออก (การเริ่มต้นการงานของพระเจ้า)
6. เผามันสัตว์ของเครื่องบูชาสันติไมตรีที่นั่นด้วย (รับสุขการสามัคคีธรรมกับพระเจ้า)
-
“ในเวลาวันนั้นกษัตริย์ฟาโรจึงมีรับสั่งแก่นายงานและนายกองผู้เกณฑ์บ่าวไพร่ว่า, “ตั้งแต่วันนี้ไป, เจ้าทั้งหลายอย่าให้ฟางแก่บ่าวไพร่สำหรับใช้ทำอิฐเหมือนแต่ก่อน: แต่ให้เขาไปเที่ยวหาฟางเอง. และจำนวนอิฐซึ่งเกณฑ์ให้ทำแต่ก่อนเท่าไร, จงเกณฑ์เท่านั้น; อย่าได้ลดหย่อนเลย: เพราะว่าเขาเกียจคร้าน; เหตุฉะนี้จึงพากันร้องว่า, ขอให้พวกข้าพเจ้าไปประกอบพิธีบูชาแก่พระเจ้าของข้าพเจ้า.’ จงจัดงานหนักกว่าแต่ก่อนให้เขาทำ: อย่าได้ฟังคำอุบายของเขาเลย.”
แต่กษัตริย์ฟาโรตรัสว่า, “เจ้าทั้งหลายเป็นคนเกียจคร้าน, เป็นคนเกียจคร้านจริงๆ; เหตุฉะนั้นพวกเจ้าจึงมาร้องว่า, ‘ขอให้ข้าพเจ้าไปทำการบูชายัญแด่พระยะโฮวา.’ เหตุฉะนั้น, เจ้าจงไปทำงานเดี๋ยวนี้: ฟางนั้นจะไม่ให้พวกเจ้าเลย: แต่จำนวนอิฐที่เกณฑ์ไว้นั้นพวกเจ้าจงทำให้ครบจำนวน.””
เอ็กโซโด 5:6-9, 17-18 TH1940
-
“โมเซจึงทูลพระยะโฮวาว่า, “ข้าแต่พระเจ้า, ข้าพเจ้ามิใช่คนช่างพูด; ในกาลก่อนก็ดี, หรือตั้งแต่เวลาพระองค์ตรัสแก่ทาสของพระองค์แล้วก็ดี, ข้าพเจ้าเป็นคนพูดไม่คล่องแคล่ว.” พระยะโฮวาจึงตรัสแก่โมเซว่า, “ผู้ใดสร้างปากมนุษย์, หรือกระทำให้คนเป็นใบ้, คนหูหนวก, คนตาดีหรือตาบอด? เรายะโฮวาเป็นผู้ทำไม่ใช่หรือ? จงไปเถิด: เราจะอยู่ที่ปากของเจ้า, และจะสอนเจ้าให้พูดคำซึ่งควรจะพูด.” เจ้าจงทูลกษัตริย์ฟาโรว่า, ‘พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้ว่า, “ชนชาติยิศราเอลนั้นเป็นบุตรหัวปีของเรา; และเราบอกแก่เจ้าว่า. ‘จงปล่อยบุตรของเราให้ไปปรนนิบัติเรา: ถ้าแม้เจ้าไม่ยอมให้เขาไป, จงดูเถิด. เราจะประหารชีวิตบุตรหัวปีของเจ้าเสีย.’ ””
เอ็กโซโด 4:10-12, 22-23 TH1940
-
“พระยะโฮวาจึงตรัสว่า, “แท้จริงเราได้เห็นความทุกข์ของพวกพลไพร่ของเราที่อยู่ประเทศอายฆุบโต; เราได้ยินเสียงร้องของเขาเพราะการกระทำของนายงานนั้น; เรารู้ถึงความทุกข์โศกของเขา. เราลงมาเพื่อจะได้ช่วยให้เขารอดจากชาติอายฆุบโต, และนำเขาออกจากประเทศนั้นไปยังแผ่นดินที่ดี, กว้างขวาง, บริบูรณ์ด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง: ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาติคะนาอัน, ชาติเฮธ, ชาติอะโมรี, ชาติพะริซี, ชาติฮีวี, และชาติยะบูศ. บัดนี้จงดูเถิด, คำร้องทุกข์ของชนชาติยิศราเอลมาถึงเราแล้ว; ทั้งเราได้เห็นการข่มเหงซึ่งชนชาติอายฆุบโตได้ทำแก่เขา. เหตุฉะนี้จงมาเถิด, เราจะใช้เจ้าไปเฝ้ากษัตริย์ฟาโร, เพื่อเจ้าจะได้พาชาติยิศราเอลพลไพร่ของเราออกจากประเทศอายฆุบโต.” ฝ่ายโมเซจึงทูลพระเจ้าว่า, “ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่าที่จะไปทูลกษัตริย์ฟาโร, และนำชนชาติยิศราเอลออกจากประเทศอายฆุบโต?” พระองค์จึงตรัสว่า, “แท้จริงเราจะอยู่กับเจ้า; นี่เป็นหมายสำคัญให้เจ้ารู้แน่ว่าเราได้ใช้ให้เจ้าไป: คือเมื่อเจ้านำพลไพร่ออกจากประเทศอายฆุบโตแล้ว, เจ้าทั้งหลายจะได้ปรนนิบัติพระเจ้าบนภูเขานี้.” เขาจะเชื่อถ้อยฟังคำของเจ้า, และเจ้ากับผู้เฒ่าของชาติยิศราเอลจงพากันไปเฝ้ากษัตริย์ของประเทศอายฆุบโตทูลว่า, ‘ยะโฮวาพระเจ้าของชนชาติเฮ็บรายได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย: บัดนี้ขอได้โปรดให้ข้าพเจ้าไปในป่ากันดารสักสามวัน, เพื่อจะบูชายัญแก่พระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้า. เรารู้แล้วว่ากษัตริย์ประเทศอายฆุบโตจะไม่ยอมให้เจ้าทั้งหลายไป, เว้นแต่จะถูกบังคับด้วยหัตถ์อันทรงฤทธิ์.”
เอ็กโซโด 3:7-12, 18-19 TH1940
-
“ครั้นล่วงมาช้านาน, กษัตริย์อายฆุบโตก็สิ้นพระชนม์: ชาติยิศราเอลก็เศร้าสะท้อนใจมาก, เพราะเหตุที่เป็นทาส, เขาจึงร้องไห้คร่ำครวญจนเสียงนั้นได้ขึ้นไปถึงพระเจ้า, ด้วยเหตุที่เป็นทาสนั้น. พระเจ้าได้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของเขา, จึงทรงระลึกถึงคำสัญญาที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบ. พระเจ้าได้ทรงทอดพระเนตรดูชาติยิศราเอล, แล้วทรงทราบถึงความเป็นไปของเขา”
เอ็กโซโด 2:23-25 TH1940
-
“กษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นเสวยราชสมบัติในประเทศอายฆุบโต, พระองค์นั้นมิได้ทรงรู้จักลูกหลานโยเซฟเลย. ‘จึงทรงประกาศแก่ประชาชนว่า, “นี่แหละ, ชาติยิศราเอลก็มีมาก, และมีกำลังยิ่งกว่าเราอีก: ให้เราพิเคราะห์ดู, ใช้อุบายอันแยบคายกระทำแก่พวกนี้, เกลือกว่าเขาจะทวีมากขึ้น, ถ้าเกิดสงครามขึ้นเมื่อใด, ชนชาตินี้จะเข้าสมทบกับพวกข้าศึก, สู้รบกับเรา, แล้วจะยกไปใหพ้นอาณาจักร.” ชาติอายฆุบโตได้กะเกณฑ์ชนชาติยิศราเอลให้ทำการหนักยิ่งขึ้น; ได้กระทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตของตนเพราะการหนักที่เขาทำ, เช่นทำปูนทำอิฐและทำการต่างๆ ที่ทุ่งนาจนเหลือกำลัง”
เอ็กโซโด 1:8-10, 13-14 TH1940
-
“ข้าพเจ้าจะประกาศกิจการของพระยะโฮวา; เพราะข้าพเจ้าจะระลึกถึงการอัศจรรย์ของพระองค์ตั้งแต่กาลโบราณมา. ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญดูบรรดากิจการของพระองค์ด้วย, และจะรำพึงถึงกิจการที่พระองค์ได้ทรงกระทำนั้น. ข้าแต่พระเจ้า, ทางของพระองค์เป็นทางบริสุทธิ์: ใครเป็นพระใหญ่ยิ่งเหมือนพระเจ้าเล่า? พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์: พระองค์ได้ทรงสำแดงพลานุภาพของพระองค์ให้ปรากฏแจ้งในท่ามกลางชนนานาประเทศ.”
บทเพลงสรรเสริญ 77:11-14 TH1940
-
“พี่น้องทั้งหลาย, บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนสติท่านทั้งหลายว่า, จงพิเคราะห์ดูคนเหล่านั้นที่ก่อเหตุวิวาทกันและขัดเคืองกัน ซึ่งเป็นการผิดจากคำสอนซึ่งท่านทั้งหลายได้เรียนไว้แล้วนั้น จงเมินหน้าจากคนเหล่านั้น. เพราะว่าคนอย่างนั้นหาได้ปฏิบัติพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราไม่, แต่ได้ปรนนิบัติท้องของตัวเอง และได้ล่อลวงคนซื่อให้หลงด้วยคำดีคำอ่อนหวานของตน”
โรม 16:17-18 TH1940
-
“พระองค์, คือพระองค์ผู้เดียว, เป็นที่พึงกลัว; และขณะเมื่อพระองค์ทรงพิโรธผู้ใดอาจยืนตรงพระพักตรพระองค์ได้? พระองค์รับสั่งให้คำพิพากษาดังมาจากสวรรค์; แผ่นดินโลกจึงได้กลัว, และเงียบกริบอยู่. ขณะเมื่อพระเจ้าเสด็จมาพิพากษา, เพื่อจะทรงช่วยบรรดาคนที่มีใจอ่อนสุภาพ (ถูกกดขี่) ในโลกนี้ให้รอด.”
บทเพลงสรรเสริญ 76:7-9
-
“เพื่อข้าพเจ้าจะได้รับใช้แต่พระเยซูคริสต์ไปยังพวกต่างประเทศ, เป็นปุโรหิตที่อดทน ฝ่ายกิตติคุณของพระเจ้า, เพื่อการถวายพวกต่างประเทศทั้งหลายนั้น จะได้เป็นที่ชอบพระทัย, คือเป็นที่ชำระแยกตั้งไว้โดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์. เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้ามีสิ่งที่จะอวดได้ในพระเยซูคริสต์ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า. ด้วยว่าข้าพเจ้าไม่อาจจะกล่าวถึงสิ่งใดเว้นแต่สิ่งซึ่งพระคริสต์ได้ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ากระทำ, ทั้งคำสอนและกิจการ, เพื่อจะให้พวกคนต่างประเทศเชื่อฟัง, คือด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งหมายสำคัญและการอัศจรรย์, ในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ จนข้าพเจ้าได้ประกาศกิตติคุณของพระคริสต์โดยถ้วนถี่ ตั้งแต่กรุงยะรูซาเลมอ้อมไปยังเมืองอีลุริกัน.”
โรม 15:16-19
-
“แต่พระเจ้าเป็นตุลาการ: พระองค์ทรงถอดคนนั้นและทรงโปรดเลื่อนคนนี้ขึ้น, เพราะมีจอกอยู่ในพระหัตถ์พระยะโฮวาใบหนึ่ง, น้ำองุ่นในจอกนั้นกำลังฟูขึ้น; เป็นน้ำองุ่นประสม, และทรงเทน้ำนั้นออกมา: กากตะกอนที่ก้นจอกนั้น คนชั่วที่แผ่นดินโลกจะต้องรินกินกากในถ้วยนั้นเป็นแน่นอน. ฝ่ายข้าพเจ้าจะประกาศเป็นเนืองนิตย์, จะร้องเพลงถวายความสรรเสริญแก่พระเจ้าของยาโคบ. ข้าพเจ้าจะตัดสิงค์ทั้งหลายของคนชั่วเสียให้ขาด; แต่สิงค์ของผู้ชอบธรรมจะได้ยกตั้งขึ้น”
บทเพลงสรรเสริญ 75:7-10 TH1940
-
“…ด้วยว่า เราทุกคนจะได้ยืนต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า แล้วเราทุกคนจะไปรายงานเรื่องราวของตนเองต่อพระเจ้า”
“เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่การดื่มกิน แต่เป็นความชอบธรรม สันติสุขและความยินดีโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะใครก็ตามที่รับใช้พระคริสต์ในทางที่กล่าวมานี้ ก็เป็นที่พอใจของพระเจ้า และมนุษย์ก็เห็นชอบด้วย ดังนั้นเราจึงควรพยายามมุ่งกระทำสิ่งที่นำสันติสุข และการเสริมสร้างกันและกันขึ้นเถิด”
โรม 14:10, 12, 17-19 NTV
-
“ขอทรงเห็นแก่พันธสัญญาของพระองค์ เพราะสถานที่มืดของแผ่นดินโลก เต็มไปด้วยที่อาศัยของความทารุณ
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้นสู้คดีของพระองค์ ขอทรงระลึกว่าคนโง่เขลาเยาะเย้ยพระองค์อยู่เสมอ ขออย่าทรงลืมเสียงคู่ศัตรูของพระองค์ เสียงอึงคะนึงของบรรดาผู้ที่ลุกขึ้นสู้พระองค์ ซึ่งดังขึ้นไปอยู่เสมอ”
สดุดี 74:20, 22-23
-
“ที่ควรกระทำอย่างนั้น ก็เพราะได้รู้จักเวลาแล้วว่า เดี๋ยวนี้เป็นเวลาซึ่งเราทั้งหลายควรจะตื่นขึ้นจากหลับ “ด้วยว่าเวลาที่เราจะรอดนั้นก็ใกล้กว่าเวลาเมื่อเราได้เชื่อนั้น”. กลางคืนก็ล่วงไป, และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราทั้งหลายจงถอดทิ้งการของความมืด, และจงสวมใส่เครื่องอาวุธแห่งความสว่าง.
เราทั้งหลายจงประพฤติให้สมกับเวลากลางวัน มิใช่ในการเลี้ยงสนุกสนานเฮฮาเสพสุราและการเมากัน, มิใช่ในการเล่นโลนลามกและความใคร่, มิใช่ในการวิวาทขัดแย้งและอิจฉาริษยากัน,
แต่ท่านทั้งหลายจงประดับตัวด้วยพระเยซูคริสต์เจ้า, และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำเรอเนื้อหนัง, เพื่อจะให้สำเร็จตามความปรารถนาของเนื้อหนังนั้น”
โรม 13:11-14
-
“แท้จริงพระเจ้าดีต่อพวกยิศราเอล, คือดีต่อผู้ที่มีใจบริสุทธิ์. เมื่อข้าพเจ้าตริตรองว่าจะเข้าใจข้อความนี้ได้อย่างไร, ก็เจ็บใจเหลือเกิน; จนข้าพเจ้าได้เข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า, และพิจารณาปลายชีวิตของเขา. ข้าพเจ้านี้เป็นคนหยาบคาย, และโง่เขลานัก; ข้าพเจ้าเป็นเหมือนสัตว์เดียรัจฉานต่อพักตรพระองค์. ถึงกระนั้นก็ดีข้าพเจ้ายังอยู่กับพระองค์เสมอ: พระองค์ได้ทรงยึดมือขวาของข้าพเจ้าไว้. พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้าด้วยคำแนะนำของพระองค์, และภายหลังจะทรงรับข้าพเจ้าไปสู่พระรัศมี, บนสวรรค์นั้นข้าพเจ้าจะมีผู้ใดเล่านอกจากพระองค์? และที่แผ่นดินโลกไม่มีผู้ใดซึ่งข้าพเจ้าจะประสงค์นอกจากพระองค์. เนื้อหนังและจิตต์ใจของข้าพเจ้าเลื่อยล้าไป; แต่พระเจ้าเป็นพกำลังแห่งจิตต์ใจของข้าพเจ้าและเป็นส่วนมฤดกของข้าพเจ้าชั่วนิรันดร์. เพราะคนทั้งหลายที่อยู่ห่างไกลจากพระองค์จะต้องพินาศ: พระองค์ได้ทรงล้างผลาญบรรดาคนที่เล่นหญิงโสเภณีเสียแล้ว, คือคนที่ละทิ้งพระองค์ไป. แต่เป็นการดีที่ข้าพเจ้าเข้ามาใกล้พระองค์; ข้าพเจ้ารับเอาพระยะโฮวาเจ้ามาเป็นที่หลบภัยของข้าพเจ้าแล้ว, เพื่อข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงกิจการทั้งปวงของพระองค์”
บทเพลงสรรเสริญ 73:1, 16-17, 22-28
-
“สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์ผู้เดียวที่กระทำสิ่งมหัศจรรย์ สรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดกาล ขอพระบารมีของพระองค์เต็มทั่วแผ่นดินโลก อาเมน และอาเมน”
สดุดี 72:18-19 NTV
- Visa fler