Avsnitt

  • ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "สัญญาณหนึ่งของการที่เรายังอ่านหนังสือไม่มากพอ นั่นก็คือเราเห็นด้วยกับทุกสิ่งในหนังสือเล่มนั้น เริ่มแรกเลยมันจะทำให้ความคิดของคุณไม่คงที่จากเหตุผลบางชุด แล้วหลังจากนั้นคุณจะค่อย ๆ อ่านหนังสือเพิ่มขึ้น คุณก็จะพบว่าทุกข้อของเหตุผลนั้น ๆ ย่อมมีขีดจำกัดในแต่ละอรรถ"

    - ปัญหาของการเห็นด้วยกับทุกสิ่ง ย่อมเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียมากกว่า

    - สงสัยทุกสิ่งกับเชื่อทุกสิ่งนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ่งเชิง ถ้าให้เลือกก็ควรจะเป็นสงสัยให้มาก

    - ข้อมูลที่มากพอมันจะทำให้เรารับรู้ว่า ความบิดเบือน ความอคติ และความไม่เห็นพ้องเป็นสิ่งจำเป็น

    - คนที่รู้จริงกับรู้ไม่จริง จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราแยกออกได้จากข้อมูลที่มี ยิ่งมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก การตัดสินใจจะดีเยี่ยมตาม

    - เหตุผลเป็นข้อมูลหนึ่งที่มนุษย์ได้เรียนรู้ แตกต่างจากเหตุที่นำมาซึ่งผล เพราะนั่นคือสิ่งที่จะหักล้างไม่ได้ในขั้นตอนสุดท้าย

  • หนังสือ Thinking in Systems: A Primer ของ Donella H. Meadows

    - การคิดแบบเป็นระบบนั้นทำได้อย่างไร สรุปมันคือระบบของสมองหรือระบบของเรา

    - เมื่อสมองสร้างสิ่ง ๆ หนึ่งที่เรียกว่าชุดความคิด แต่ละชุดความคิดจะไม่ได้เดินตามกรอบที่ควรจะเป็น

    - กับดักของความคิดก็คือ ความคิดที่เรามักจะเชื่อว่ามันเป็นระบบ แต่จริง ๆ มันคือระบบใหม่ที่เราไม่เคยตั้งค่ามัน

    - สิ่งที่เรารับรู้ทั้งหมด ก็ย่อมเป็นเพียงแค่ชุดความคิดหนึ่งเท่านั้น เช่น เงินมีค่า หรือความสุขคือสิ่งที่เราต้องการ

    - มูลค่าของความคิดจึงเป็นการตีค่าของภาวะมวลรวมที่เราประสบพบเจอ ไม่ใช่ปัญหาที่แก้กันได้ง่ายดาย

  • Saknas det avsnitt?

    Klicka här för att uppdatera flödet manuellt.

  • มีคนมาปรึกษาว่า ขอวิธีแก้ปัญหาคุณแม่ทำอาหารออกจะพิสดารกับนิสัยที่ขี้เสียดายของหน่อยค่ะ เราเข้าใจว่าบางแง่มุม มันน่าเสียดายเงินแต่บางอย่างมันออกโหดไปหน่อย ทุกคนก็ห้ามแม่ทำอาหารตลอดแต่ก็ไม่เคยห้ามเขาได้เลย จนเรารู้สึกว่ามันสุดโต่งจนน่ากลัว บางอย่างมันเกินจะฝืนกิน อย่างเช่น ทำน้ำมันหมูเจียว แต่แค่เทน้ำมันฝาเขียว แล้วใส่แคบหมูลงไปแช่กับข้าวสวยที่กินเหลือ แต่ถ้าเป็นน้ำก็จะเทลงหม้อข้าวแล้วนึ่งไปกับข้าวเลย ล่าสุดทอดไข่เจียวแล้วน้ำมันเหลือ ก็เอาข้าวลงไปผัดกับน้ำมัน บอกว่าจะได้อุ่นข้าวไปในตัว บ้านเราเลยท้องเสียกันบ่อยมาก เวลาพูดอะไรหรือบอกว่ามันกินไม่ได้นะ แม่ก็แค่ยิ้ม ๆ แล้วเดินหนี และบางทีเขาก็ชอบพูดว่า เสียใจนะทำกับข้าวให้แล้วไม่มีใครกินเลย เราเลยอยากรู้ว่ามีวิธียังไงคุยกับแม่ดีคะ

    - ลองเปิดใจคุยกับแม่จริง ๆ จัง ๆ ว่าอาหารที่แม่ทำมันกินไม่ได้จริง ๆ แล้วรอดูการตอบสนอง

    - ถ้าคุยแล้ว แจ้งให้ทราบแล้ว ทำทุกวิถีทางแล้วก็ให้เริ่มแก้ที่ตัวเราเป็นหลักเลย

    - ไม่ต้องสนใจความรู้สึกแม่มากนัก คนเราจะกินอะไรก็ต้องอิ่มท้อง สบายท้อง มิใช่เสียดายของแล้วจึงกิน

    - ปัญหาของชีวิตตอนนี้น่าจะเป็น อยากเอาใจแม่ด้วยการทำตามสิ่งที่แม่บอก แต่บางครั้งมันก็ไม่ควรทำตาม

    - สุขภาพร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าเงินทอง คนโบราณมักเปรียบเทียบว่าเงินทองเป็นของนอกกาย ข้าวปลาอาหารนี่สิของจริง

  • ข้อความโพสต์จาก Simon Sinek ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ความสัมพันธ์นั้นคล้ายกับเข็มขัดนิรภัย ถ้ามันไม่เข้ากันมันจะไม่มีวันรู้สึกปลอดภัย"

    - การเข้ากันได้ ต้องรวมถึงความรู้สึกมวลรวม และนิสัยที่ไปในทิศทางเดียวกัน

    - มันจะมีคำถามเยอะมากว่า ถ้านิสัยแตกต่าง วิถีชีวิตแตกต่าง เราจะยังคบกันไปต่อได้ไหม

    - ซึ่งปัญหาทั้งหมดมันอยู่ที่ความสัมพันธ์ ไม่ได้อยู่ที่ความแตกต่างทั้งหมด มันอยู่ที่เรารักกันจริงรึเปล่า

    - ความรู้สึกปลอดภัยมันจึงเกิดขึ้นได้ยากอย่างยิ่ง เพราะในความเป็นจริงจะมีสักกี่คนที่จะเข้ากันจริง

    - ทั้งนี้ เคารพกัน เชื่อใจกัน และเข้าใจกัน 3 คาถานี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์นั้นรอดพ้นปลอดภัยได้เสมอ

  • หนังสือ Naked Money: A Revealing Look at Our Financial System ของ Charles Wheelan

    - ปลดเปลื้องเรื่องการเงิน ก็คือการถอดความของระบบการเงินว่าเป็นอย่างไร

    - เงินคือกระดาษ มันไม่ได้มีค่าอะไรเท่าไหร่ ซึ่งมันอยู่ที่คนนั้นให้ค่ามันมากกว่า

    - เงินเฟ้อทำให้กระดาษที่เรียกว่าเงินนั้นสูญมูลค่าไป จนกลายเป็นกระดาษดังเดิม

    - อยากรวยต้องทำไง ก็ต้องเปลี่ยนกระดาษให้มันสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เช่น ลงทุน หรือผลิตอะไรสักอย่าง

    - ประเทศที่ร่ำรวยมันต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง และการที่เรายากจนก็ย่อมมีเหตุผลอยู่เช่นกัน

  • มีคนมาปรึกษาว่า เพื่อนมาชวนทำงานที่ใหม่ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราตัดสินใจระหว่างเลือกทำงานที่ปัจจุบัน หรืองานใหม่ดี ก็คืองานปัจจุบันมีเงินเดือน 12,000 บาท ไม่มีโบนัส เดือนนึงทำงาน 15-20 วันเท่านั้น ทำตกวันละ 8 ชั่วโมง เป็นงานสบายค่ะ งานดีเพื่อนก็ดี เราทำงานที่นี่มา 10 ปีแล้วค่ะ ส่วนงานใหม่ก็คิดอยากจะไปที่นั่นอยู่บ้าง คิดเป็นสัปดาห์ละ 9,000 บาท มีโบนัสปีละ 2 ครั้ง เข้างานตั้งแต่ 7.00-22.00 ไม่มีวันหยุดทำงานทุกวัน ที่เราลังเลเพราะเราจะอายุ 35 แล้วใจนึงก็ไม่อยากเริ่มต้นใหม่ค่ะ เราอยากขยับรายได้ให้มันมากขึ้นเฉย ๆ มันเลยตัดสินใจได้ว่าทำงานที่เดิมดีที่สุด เพราะเราอายุเยอะแล้ว แบบนี้คิดถูกไหมคะ

    - ไม่มีใครจะตอบคำถามของชีวิตเราเอง ได้ดีไปกว่าตัวเราเอง

    - ให้เอาคำถามที่ถามลองถามใจตัวเองดูจริง ๆ ว่า 10 ปีที่ทำงานที่นี่ มันถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือยัง

    - มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตเดียว ที่มีศักยภาพเหนือความคาดหมายกว่าที่ตัวเองคิด ลองดูว่าเราพอใจจริง ๆ ใช่ไหม

    - ความสุขของชีวิต จะเนื่องด้วยจากการรู้จักตัวเองล้วน ๆ ไม่มีอะไรมาผสมเลย เราเป็นพวกเย็นหรือพวกร้อนกันแน่

    - ทั้งนี้ คำถามที่อันตรายที่สุดก็คือ สิ่งที่เราตัดสินใจลงไป มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดรึเปล่า เพราะไม่มีใครรู้นอกเสียจากผลลัพธ์นั้นได้สัมฤทธิ์ผลไปแล้ว

  • ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิต ที่ไม่เคยสอนในโรงเรียน นั่นก็คือการเลือกสรรสิ่งที่เราควรให้ความสนใจ หลังจากจบการศึกษามา นักวิชาการมักจะถูกเปรียบเทียบ กับคนที่กลาง ๆ ว่ามักจะเป็นคนที่ลงทุนในเวลาได้ดีเยี่ยมกว่า"

    - คนกลาง ๆ ในที่นี้คือคนที่พยายามลงทุนกับเวลาอย่างพอเหมาะพอควร ไม่มากไปหรือน้อยไป

    - แล้วคนที่สุดโต่งมักจะแพ้คนกลาง ๆ อยู่บ่อยครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง เพียงเพราะคนที่เอียงในช่วงเริ่มต้นมักจะเอียงต่อไป

    - โฟกัสเป็นช่วงหลังจากที่เราได้เรียนรู้จากหลาย ๆ สิ่ง ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ ไปโฟกัสในสิ่งหนึ่งโดยการขาดประสบการณ์

    - ชีวิตคือการเรียนรู้ ถ้าเราไม่รู้ว่าควรจะโฟกัสกับเรื่องอะไรก็อย่าเพิ่งรีบไปโฟกัส ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นปัญหา

    - นักวิชาการก็คือคนที่คงแก่เรียน ส่วนใหญ่แล้วจะรู้เฉพาะเรื่อง หรือสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น คนกลาง ๆ จะรู้ได้กว้างกว่านั่นเอง

  • หนังสือ The Art of Public Speaking ของ Dale Carnegie

    - ศิลปะของการพูดในที่สาธารณะ เป็นสิ่งที่เป็นโจทย์ยากสำหรับทุกคน

    - การฝึกฝนคือคำตอบ และการที่เราต้องนึกถึงผู้ฟังว่า เขาจะได้รับอะไรจากเรื่องเล่าของเรา

    - เมื่อเราไม่ได้สนใจถึงความยอดเยี่ยม การกระทำของเราจะยอดเยี่ยมไปโดยปริยาย

    - หากว่าเตรียมตัวแล้ว เราจะลดความประหม่าในการพูด แถมเรายังดูมีเสน่ห์พร้อมกันไปด้วย

    - ความเป็นของแท้ หรือเนื้อแท้ จำเป็นจะต้องจริงใจต่อผู้ฟังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือการแสดงออกที่ดีที่สุด

  • มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ อยากจะขอคำปรึกษาค่ะ คือตอนนี้หนูเพิ่งอายุ 20 ต้น ๆ กำลังเรียนอยู่ แล้วตอนนี้มีแฟนที่กำลังคบหากันได้สักพักค่ะ พื้นฐานเขาเป็นคนนิสัยดี แต่ใจร้อน เป็นคนเงียบ เวลามีอะไรจะไม่พูดและคิดมากค่ะ เราทั้งคู่คบกันแบบที่ผู้ใหญ่ทางบ้านรู้จักกันและเอ็นดูแฟนมาก ๆ ที่ผ่านมาหนูกับแฟนไม่ค่อยทะเลาะกัน แต่อยู่ดี ๆ เขาก็เริ่มมีอารมณ์ร้อนใส่หนูทั้ง ๆ ที่บางครั้งหนูถามแค่ว่าทำอะไร กินข้าวยัง อยู่กับใคร เขาก็จะตอบแบบใส่อารมณ์ตลอด จนหนูปล่อยให้เขาอยู่กับตัวเองด้วยเรื่องเรียนพอหนูมีเวลาว่างก็เลยมีติดต่อไปหาเขา แต่เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม ตอนแรกหนูนึกว่าอาจจะเพราะชอบไปบ่นให้เขาฟัง แต่พอคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ส่งรูปมาบอกว่าเขาคิดสั้น ซึ่งหนูก็งงว่าทำไมมันไปไกลขนาดนี้ หนูก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากโทรหา จนมาถึงตอนนี้หนูก็เสียใจแล้วก็ร้องไห้มาตลอด เขาก็รู้แต่ไม่สนใจ เขาก็บอกกับหนูว่าที่เขาชอบใส่อารมณ์เพราะไม่รู้จะทำแบบนี้กับใคร เลยมาลงที่หนู ตอนนี้หนูเลยคิดจะตัดใจจากเขาค่ะ แต่หนูใช้วิธีไหนในการบอกลาเขาดี หนูกลัวเขาจะคิดสั้นเพราะหนู เนื่องจากเขาเป็นคนที่คิดมาก เขาบอกว่าเขารักหนูมาก แต่หนูก็รักตัวเองมากพอที่จะไม่กลับไปร้องไห้อีก หนูควรทำใจยังไงดีคะ เวลากลับบ้านมักจะเห็นภาพที่เขาคุยกับพ่อแม่หนู แล้วก็เฮฮากันปกติ มันทำให้หนูตัดใจลำบากมากเลยค่ะ

    - อารมณ์ส่วนตัว ไม่ควรเกี่ยวเนื่องกับผู้คนรอบข้างจนเกินพอดี

    - ถ้ามีเหตุการณ์ที่คนรู้จักเรา เพื่อน หรือแฟน รวมไปถึงคนในครอบครัวที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ต้องนำไปพิจารณา

    - ปัญหาหลัก ๆ ก็คือแฟนเราเห็นเราเป็นที่ระบายอารมณ์ส่วนตัว ซึ่งมันอยู่ที่เราว่าเราจะรับมืออย่างไร

    - ต้องถามตัวเราเองจริง ๆ ว่า เราคาดหวังสิ่งใดในความสัมพันธ์ในครั้งนี้ มันอยู่ที่ตัวเราทั้งหมดเลย

    - ความสุขของคนรัก อาจจะไม่ได้อยู่ที่ฐานะทางการเงิน ความฉลาดของการแก้ปัญหา แต่มันอาจจะอยู่ที่วิถีทางของชีวิต

  • ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "บางทีการที่เรายืนหยัดก็ถือว่าเป็นประโยชน์อยู่เหมือนกัน มันทำให้ชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร แต่บางทีเราก็ได้ประโยชน์จากการที่เรารุกราน เพื่อที่เราจะได้ดัดแปลงโลกใบนี้ตามใจชอบบ้าง แล้วคุณล่ะตอนนี้เป็นคนที่ยืนหยัดหรือรุกราน"

    - วิถีชีวิตเราจะกำหนดอัตลักษณ์ตัวตนของเราได้อย่างดีที่สุด

    - เลือกการใช้ชีวิต ว่าเราต้องการให้ชีวิตไปยังทิศทางใดบ้าง

    - ยืนหยัดคือ การรอคอยบ้าง ฝึกปรือตนเองระหว่างรอที่จะรุกราน

    - รุกรานคือ การกระทำเพื่อให้ชีวิตได้ขยับเขยื้อนไปข้างหน้าอย่างสมดุล

    - ความสุขของชีวิตจะเนื่องด้วยการเข้าใจสิ่งที่เป็นไป ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติจะดีที่สุด

  • หนังสือ The Psychology of Selling: Increase Your Sales Faster and Easier Than You Ever Thought Possible ของ Brian Tracy

    - จิตวิทยาการขาย ก็คือการที่เรารู้ว่าเราจะขายอะไร แล้วผู้รับเราจะได้อะไรกลับไป

    - สิ่งที่เราปรารถนา ส่วนใหญ่แล้วก็จะมาจากสิ่งที่เรามอบให้ไป มันคือให้อะไรก็ได้อย่างนั้น

    - ถ้าปราศจากความเป็นกัลยาณมิตร ก็ไม่สามารถขายของอย่างยั่งยืนได้เลย

    - คาถาที่ต้องท่องตลอดเวลาที่เราจะขายของก็คือ จริงใจ ซื่อสัตย์ และเอาใจเขามาใส่ใจเรา

    - ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นึกถึงคนที่ได้รับเอาไว้ให้มากที่สุด ยิ่งนึกถึงผู้รับเราย่อมมีความเบิกบานใจ

  • มีคนมาปรึกษาว่า หลานสาวที่รับมาเลี้ยง อายุ 14 ปี พ่อแม่เขาไม่สามารถดูแลได้ในตอนนี้ แม่กับเราจึงรับหลานมาดูแล และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงค่าเทอม รวมไปถึงเรากับแม่ก็ไม่ได้คุยกับพ่อแม่หลานมานานมากเกือบปีได้ แล้วตอนนี้หลานอยู่กับแม่เราสองคนที่ต่างจังหวัด เราเพิ่งเจอในเฟซบุ๊กหลานว่ามีแฟนแล้ว อายุมากกว่าประมาณ 7-8 ปี เราเลยรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากผู้ชายเรียนไม่จบ ยังไม่มีเงินเป็นหลักเป็นแหล่ง แล้วเขาชอบแชร์รูปคู่รักที่มันดูไม่ค่อยเหมาะสม แล้วก็เหมือนชอบมาบอกรักผ่านโซเชียล แถมหลานก็ตอบกลับไปด้วย คือจริง ๆ ตัวเราเองก็เปิดใจถ้าเขาจะมีแฟน แต่เราดูว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม ในมุมเราเขาก็ยังเด็กอยู่อายุแค่ 14 ปี เราก็เปิดใจคุยกับหลาน เขาก็ไม่ยอมรับ บอกแค่คุยกันเฉย ๆ แต่เราก็แอบเห็นว่าเขาไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เราเป็นห่วงมากค่ะ อยากรู้ว่าจะมีวิธีคุยหรือจัดการเรื่องนี้ยังไงดีคะ อยากขอความเห็นและขอคำปรึกษาค่ะ ควรพูดตรง ๆ ไปเลยดีหรือ อ้อม ๆ ดีกว่ากันคะ

    - บางทีเราก็คิดว่าสิ่งนี้เป็นของเรา หรือเป็นฐานะที่เราต้องดูแล แต่มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น

    - ไม่มีสิ่งใดเป็นของใคร หน้าที่ของคนเลี้ยงดู ก็คือสั่งสอนให้ได้มากที่สุด คอยเป็นกระบะทรายเท่านั้น

    - แต่ความเป็นจริงของความรักก็คือ มันเป็นทั้งเหตุปัจจัย และเป็นเรื่องของจังหวะล้วน ๆ ไม่สามารถห้ามได้

    - ลองสังเกตนิสัยคนของเราตลอดเวลา รู้จักตัวเองว่าเป็นคนนิสัยยังไง แล้วคนที่เราดูแลเขานิสัยเป็นอย่างไรด้วย

    - ทั้งนี้ ไม่มีคำว่าผิดหรือถูกในการเลี้ยงดูทั้งหมด เราจึงต้องปฏิบัติตามบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย เขาแรงเราต้องเบาลง

  • ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ความผิดพลาดอย่างสาธารณะนั่นคือ การยอมรับว่าทางแก้ไขที่ดีที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเรายอมรับว่าเรายังไม่ดีพอ"

    - ถ้าเราคิดหาทางออกของปัญหาได้ไม่ดีเยี่ยม ให้คิดหนักขึ้น หรือคิดไปเลยว่าสิ่งที่ไม่ดีน่าจะดีที่สุดแล้ว

    - ปัญหาของการแก้ปัญหาก็คือ เราไม่ค่อยรู้หรอกว่า ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ตรงไหน การแก้ไขได้จริงจึงเป็นเรื่องยาก

    - ความสุขของการแก้ไขปัญหาของชีวิต จะเนื่องด้วยการที่เราหาทางออกอยู่เสมอ ไม่เพิกเฉยต่อชีวิต

    - บางครั้งการมองโลกในแง่ดีบ้าง ก็ช่วยทำให้ชีวิตนั้นไปต่อได้มากมายมหาศาล มันจึงมาจากต้นกำเนิดคือความคิด

    - ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่อาจจะมองโลกในแง่ร้าย เช่น โลกนี้กลั่นแกล้ง หรือเราไม่มีทางเก่งไปมากกว่านี้ นั่นก็กลายมาเป็นคำตอบ

  • หนังสือ The Universal Principles of Successful Trading: Essential Knowledge for All Traders in All Markets ของ Brent Penfold

    - การเทรดที่ดีที่สุดไม่มีอยู่จริง และมันจึงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าระบบไหนดีเยี่ยมจริง ๆ ในตลาดทุน

    - แล้วระบบของการเทรดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ต่อให้เรามีมาตรวัดอันมากมาย แต่การใช้งานจริงก็ต้องดูบริบทร่วมด้วย

    - อย่าลืมสังเกตว่าเราถนัดระบบแบบใด เส้นค่าเฉลี่ยแบบหนึ่งก็เหมาะกับเรา หรือเหมาะกับตลาดหนึ่งเท่านั้น

    - ปัญหาของชีวิตก็คือ ไม่มีอะไรที่จะกำหนดได้อย่างถาวร ปัญหาของการเทรดก็ย่อมไม่มีอะไรเป็นอย่างนั้นตลอดไป

    - ความเสี่ยง 0% ไม่มีอยู่จริง อย่าเทรดแบบไม้เดียวแล้วกำไรเยอะ ๆ แต่จงเทรดอย่างไรในระยะยาวให้สามารถกำไรได้จะดีกว่า

  • มีคนมาปรึกษาว่า ขอความเห็นจากเพื่อน ๆ ค่ะ คือว่าเรากับแฟนตอนนี้อยู่ห่างกันคนละประเทศ แล้วล่าสุดรู้มาว่าเขาแอบชอบเพื่อนเขาค่ะ แล้วเขาก็ว่าจะตัดใจห่างกับเพื่อนคนนี้ไป หลัง ๆ ก็เห็นว่าเขาพยายามปรับปรุงตัว ห่างมาได้ แล้วจู่ ๆ วันนึงเขาก็มาเล่าให้ฟังว่า มีบางความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาว่าเขาหวง หึง เพื่อนคนนี้ที่เขามีเพื่อนผู้ชายอีกคนมาคุย คือเราควรจะทำยังไงดีคะ ควรตัดใจจากแฟนดีไหม หรือรีบไปอยู่ข้าง ๆ เขา เพราะเขาให้เหตุผลว่าเราห่างกันเกินไป เลยทำให้ใจเขาวอกแวกไปมา

    - การอยู่ห่างกัน อาจจะมีส่วนทำให้เราลืมกันไปได้ แต่มันอยู่ที่พันธะมากกว่าว่าเหนียวแน่นเพียงใด

    - บางคนสนิทกันมาก ต่อให้อยู่ไกลกันก็ยังคุยกันตลอดเวลา จนเหมือนว่าอยู่ใกล้กันมาก

    - แต่ละคนจึงแตกต่างกันไป บางคนอยากอยู่ใกล้ชิดจริง ๆ ไม่ใช่ต้องการแต่สนทนากันเพียงอย่างเดียว

    - ถ้าเรามั่นใจว่าการย้ายไปต่างประเทศอยู่ด้วยกัน มันทำให้ความสัมพันธ์มันรุดหน้าไปได้จริง ก็ลองดู

    - ทั้งนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่า การจะตัดใจหรือไปพัฒนาความสัมพันธ์ทางใดจะดีกว่า เพราะมีแต่เราเท่านั้นที่รู้ใจตัวเอง

  • ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "การดูแลตัวเองจำเป็นจะต้องใช้ความพยายาม มันไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ร่างกายและจิตใจนี้จำเป็นจะต้องผดุงรักษาเอาไว้ คล้ายกันกับสวนต้นไม้ ที่ถ้าไม่ขวนขวายในการดูแลเอาใจใส่ วัชพืชก็จะเกิดขึ้นมาเพื่อกัดกินทุกสิ่งทุกอย่างไป เพียงแค่เราลองตัดแต่งกิ่งบ้าง ผลลัพธ์ที่มันควรจะเป็นย่อมงดงามเสมอ"

    - ความสุขของชีวิตจะเนื่องด้วยการดูแลเอาใจใส่ร่างกาย และจิตใจของตัวเราเอง

    - ไม่ใช่ว่าเราจะปล่อยปละละเลยทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วให้คนอื่นมาช่วยเหลือตัวเรา

    - ยิ่งเราปล่อยตัวเองมากเท่าไหร่ เราก็ต้องใช้พละกำลังมากขึ้นเท่านั้นในการชดเชยแรงต้านที่หนักอึ้ง

    - ชีวิตไม่มีค่าถ้าเราไม่ได้สร้างคุณค่า ความหมายของชีวิตจะปรากฏเห็นเด่นชัดมากยิ่งขึ้นตามไป

    - ทั้งนี้ ลองดูแลสรรพสิ่งรอบข้างดูบ้าง เราแค่ต้องหัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองสวมรองเท้าเดียวผู้อื่นบ้างตามกาล

  • หนังสือ How Medicine Works and When It Doesn't: Learning Who to Trust to Get and Stay Healthy ของ F. Perry Wilson

    - ความเป็นมาของยา เกี่ยวข้องอะไรกับสุขภาพร่างกายของมนุษย์

    - เมื่อคนเราเกือบทุกคน มีโอกาสที่จะทานยา ไม่ว่าจะเป็นยาบำรุงร่างกาย หรือว่ารักษาโรคก็ตามแต่

    - จุดที่จะบอกว่าเราควรรับยาก็คือ จุดที่เราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงผลของอาการนั้น ๆ เสมอ

    - ไม่ควรทานยาพร่ำเพรื่อ แค่เพียงเพราะเราต้องการรักษาโรคที่เราไม่ได้มีอาการใด ๆ เลย

    - บริษัทยาต่าง ๆ กำลังกระหน่ำการตลาดเพื่อขายยาในบริษัทของตน นั่นคือมุมมองหนึ่งของหนังสือเล่มนี้

  • มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ เรื่องของเรามีอยู่ว่า เราแต่งงานมาแล้วตอนนี้มีลูก 1 คน แฟนกับเราทำงานกันทั้งคู่ แต่เวลาซื้อนมหรือของจำเป็นให้ลูกจะต้องหารกัน หรือต้องมีใบเสร็จมา ถึงจะเก็บเงินได้ แล้วเขาชอบบ่นว่าไม่มีเงินทั้งที่ได้เงินเดือนมากกว่า 40,000 บาท ภายหลังก็เลยรู้ว่าต้องโอนเงินให้แม่ อันนี้ก็พอเข้าใจ แต่แม่แฟนให้แฟนเราช่วยพี่สาวเขาใช้หนี้ รวมไปถึงน้องสาวของแฟนด้วย ก็ขอเงินแทบจะทุกวัน ล่าสุดผ่อนมือถือไปก็บอกให้แฟนเราโอนเงินให้ แต่พอทีกับลูกเราซื้อนมให้แค่เดือนละ 2 ลัง ที่เหลือเราออกกับพ่อแม่เรา ไม่รู้ว่าผิดไหมที่ทะเลาะกันเรื่องแบบนี้ แต่มันเป็นมาตลอด ขอกำลังใจหน่อยค่ะ

    - ถ้าแฟนเรามีภาระรับผิดชอบอื่นที่เป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง เราต้องปรับใจไม่ใช่ไปน้อยใจ

    - ความน้อยใจมีได้ แต่ลองปรับที่จิตใจดูก่อน เข้าใจว่าลูก พี่สาว และน้องสาว สำคัญหมด

    - การที่ตัวเราเองสามารถจุนเจือครอบครัวได้ มีรายได้เป็นของตัวเอง แถมพ่อแม่เราก็ช่วยเราและลูกได้อันนี้คือดีอยู่เหมือนกัน

    - บางทีชีวิตก็เหวี่ยงโจทย์มาให้เราทำ บ้างก็แก้ได้ บ้างก็แก้ไม่ได้ ชีวิตจะมาสอนให้เรารู้จักแก้ปัญหาให้มากที่สุดเสมอ

    - ทั้งนี้ ยังไงแล้วโลกใบนี้ก็ให้ผลลัพธ์ที่ยุติธรรมสำหรับทุกสรรพสิ่งอยู่แล้ว ไม่มีใครได้มากกว่าที่ควรจะเป็น หรือน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเลย

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "กลยุทธ์การลงทุนที่ถูกต้อง ก็คือ 1. จงฉลาดกว่าคนอื่น 2. จงโชคดีกว่าคนอื่น และ 3. จงอดทนอดกลั้นกว่าคนอื่น นี่คือทั้งหมดที่ควรเป็น"

    - ชีวิตไม่ได้ให้แง่มุมเดียว การลงทุนก็เช่นกันที่ไม่ได้ให้เราแค่สิ่งเดียว

    - มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะชนะคนอื่นได้ แต่การได้รับชัยชนะของตลาดทุนเป็นเรื่องยากเสมอมา

    - นักลงทุนที่ดีเยี่ยม เฉือนกันที่รายละเอียด ใครรู้กว้างและลึกมากกว่าคนนั้นก็ชนะไป แค่นั้นเลย

    - ปัญหาของผู้คนก็คือไม่รู้ว่าเราควรจะรู้สิ่งใด และไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร เมื่อผู้คนนั้นไม่รู้ ก็มักจะมีผู้คนแสวงหาความรู้เสมอ

    - ความอดทนเป็นเครื่องมือและวิถีทางที่สำคัญยิ่ง แม้ว่าเราจะฉลาดกว่าโชคดีกว่า แต่เราไม่รู้จักอดทนเราก็จะไม่ได้รับสิ่งใดได้จริง

  • หนังสือ Get Good with Money: Ten Simple Steps to Becoming Financially Whole ของ Tiffany Aliche

    - การควบคุมงบประมาณในการใช้จ่าย คือหลักของการอดออมเงินเพื่อลงทุน

    - ปัญหาของการเงินส่วนใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่ช่วงเวลาปกติ แต่เป็นช่วงวิกฤตของชีวิต

    - ทักษะของการเงินจะขึ้นอยู่กับ เป้าหมายทางการเงิน และการวางแผนทางการเงินเป็นหลัก

    - ชีวิตหนึ่งชีวิต อาจจะไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องการเงินมากเท่าไหร่ เพียงแต่เราแค่ต้องใส่ใจบ้างก็เท่านั้นเอง

    - ความเชื่อที่ว่า ใช้ก่อนเก็บเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้ว ยุคนี้ต้องเก็บก่อนใช้ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางมีเงินเก็บได้เลย